12/10/51

กลัวเกรงพระเจ้า

ข้าพเจ้าต้องขออนุญาตแบ่งปันพยานส่วนตัวอีกสักวาระหนึ่ง อย่างที่รู้ๆ กันว่าหากจะนับพระพรในชีวิตของเราคงเป็นไปได้ยากที่จะนับได้ครบถ้วน แต่ข้าพเจ้าเห็นว่าเรื่องนี้เป็นพระพรยิ่งใหญ่ที่น่าจะนำมาแบ่งปันเพื่อเป็นการหนุนจิตชูใจพี่น้องในพระคริสต์ อย่างน้อยสำหรับผู้ที่ยังสงสัยว่าทำไมพระเจ้าไม่ตอบคำอธิษฐาน ทำไมพระองค์ทรงให้รอ ทำไมเมื่อทูลขอสิ่งหนึ่ง แต่พระองค์ทรงประทานอีกสิ่งหนึ่ง ขอให้แน่ใจว่าทุกสิ่งที่พระองค์ทรงประทานให้นั้นเป็นสิ่งที่ดีที่สุดเสมอ

ด้วยพระเมตตาคุณอันยิ่งใหญ่ของพระเจ้าลูกสาวคนเล็กของข้าพเจ้ามีโอกาสได้ฝึกงานที่บริษัทใหญ่ (มาก) แห่งหนึ่งเมื่อเรียนอยู่เทอมสุดท้ายของการเรียนขั้นปริญญาโท ขั้นตอนการคัดสรรนักศึกษาเพื่อไปฝึกงานของบริษัทใหญ่ๆ ดุเดือดเอาการ (ข้าพเจ้าไม่ทราบเกี่ยวกับขั้นตอนในที่อื่นๆ ที่กล่าวถึงนี้คือรัฐนิวยอร์กในสหรัฐอเมริกา) เมื่อการสัมภาษณ์รอบแรกโดยบุคลากรของบริษัทนั้นๆ ซึ่งมาดำเนินการที่มหาวิทยาลัยเลยเสร็จสิ้นลงก็ต้องรอดูว่าจะผ่านการสัมภาษณ์หรือไม่ ถ้าผ่านก็จะได้รับการเชิญให้ไปรับการสัมภาษณ์รอบสองที่บริษัทซึ่งสุดโหดจริงๆ เท่าที่จำได้จากคำบอกเล่าของลูกสาวนั้นมีผู้บริหารจำนวน 5 คนเป็นผู้สัมภาษณ์ แต่ไม่ใช่นั่งเป็นคณะกรรมการการสัมภาษณ์พร้อมกันทั้งหมด ผู้ได้รับเลือกให้เข้ารับการสัมภาษณ์จะต้องถูกสัมภาษณ์ครั้งละครึ่งชั่วโมงทีละคนในห้องทำงานของผู้บริหารแต่ละคน รวมเวลาทั้งหมดเกือบสามชั่วโมง (โดยไม่มีการพัก เมื่อออกจากห้องหนึ่งก็ต้องตรงเข้าไปอีกห้องหนึ่งเลยทันที) ท่านคงพอเดาได้ว่าความเครียดจะมากมายมหาศาลสักเพียงใด คำถามที่ใช้สัมภาษณ์ก็มีหลากหลายรวมถึงการทดสอบทางเทคนิคขั้นสูง (สำหรับผู้สมัครเป็นโปรแกรมเมอร์) การให้คะแนนการสัมภาษณ์เริ่มตั้งแต่เปิดประตูเข้าไปจนกระทั่งเปิดประตูออกไป ทุกอิริยาบทเป็นส่วนหนึ่งของการสัมภาษณ์ เมื่อสอบสัมภาษณ์เสร็จก็ถึงเวลาแห่งการรอคอยคำตอบซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ทุกข์ทรมานสุดๆ แต่ความกระวนกระวายใจก็ถึงจุดสิ้นสุดเมื่อได้รับโทรศัพท์ในอีกสองวันต่อมาว่าให้มาฝึกงานได้ ลูกสาวของข้าพเจ้าก็ได้รับโทรศัพท์นั้นด้วย

เมื่อการฝึกงานสิ้นสุดลงก็จะมีการประเมินผลการทำงาน ปกติแล้วนักศึกษาที่ถูกประเมินว่าทำงานดีจะได้รับข้อเสนอให้มาร่วมงานด้วยหลังจบการศึกษา ลูกสาวของข้าพเจ้าถูกประเมินว่าทำงานดี ดังนั้นจึงคาดหวังว่าจะได้รับข้อเสนอ นั่นหมายความว่าจะมีงานทำอย่างแน่นอนเมื่อเรียนจบแล้ว ข้าพเจ้าจำได้ว่าลูกสาวของข้าพเจ้าทนทุกข์ทรมานอีกครั้งด้วยความกระวนกระวายใจอย่างยิ่งในการรอคอยข้อเสนอจากบริษัทนั้น หลังจากที่รอมาสักพักและได้ข่าวว่ามีเพื่อนนักศึกษาบางคนได้รับข้อเสนอแล้ว ข้าพเจ้าก็ค่อนข้างแน่ใจว่าลูกสาวของข้าพเจ้าจะไม่ได้รับข้อเสนออย่างแน่นอน ไม่ใช่น้ำพระทัยของพระเจ้าที่จะให้ทำงานที่นั่น ข้าพเจ้ามักมีความรู้สึกเช่นนี้ทุกครั้งที่ลูกๆ ของข้าพเจ้าสมัครเรียนหรือสมัครงานว่าจะได้รับคำตอบอย่างไร เหมือนเป็นเสียงตรัสเบาๆ ในใจของข้าพเจ้าว่าพระองค์ทรงมีแผนการหรือน้ำพระทัยอย่างไร ส่วนใหญ่จะไม่ผิดพลาด แต่ข้าพเจ้าคงไม่สามารถบอกกับลูกสาวตรงๆ อย่างนั้นในภาวะว้าวุ่นใจเช่นนั้น ในตอนนั้นข้าพเจ้าไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดพระเจ้าทรงไม่ประสงค์ให้ลูกสาวของข้าพเจ้าได้งานที่บริษัทแห่งนั้นทั้งๆ ที่ทุกอย่างดูดีไปหมด ข้าพเจ้าบอกลูกสาวว่าถ้าไม่ได้งานก็หมายความว่าไม่ใช่น้ำพระทัยของพระเจ้า ในที่สุดก็มีการยืนยันแน่ชัดว่าไม่มีข้อเสนอให้ร่วมงานสำหรับลูกสาวของข้าพเจ้า

ข้าพเจ้าคงไม่ต้องบอกว่าลูกสาวของข้าพเจ้าผิดหวังและทุกข์ใจพอประมาณเพราะนั่นหมายความว่าต้องสมัครงานใหม่และต้องผ่านขั้นตอนหฤโหดของการสัมภาษณ์อีกครั้ง แต่เราก็แน่ใจว่าพระเจ้าทรงมีแผนการที่ใหญ่กว่านั้นสำหรับลูกสาวของข้าพเจ้า ที่เห็นชัดในตอนนั้นคือลูกสาวของข้าพเจ้าต้องดูหนังสืออย่างหนัก ผลก็คือได้ทบทวนสิ่งที่ได้เรียนรู้มาแล้วและมีความมั่นใจมากขึ้นในการตอบคำถามด้านเทคนิค ข้าพเจ้าก็ได้รับการยืนยันจากพระเจ้าอีกแล้วว่าพระองค์จะทรงประทานงานให้ในคราวนี้ คราวนี้ลูกสาวของข้าพเจ้ารอคอยคำตอบอย่างสงบเพราะวางใจพระเจ้าอย่างสิ้นสุดใจ และรู้ว่าพระสัญญาของพระเจ้าเป็นจริงเสมอ เมื่อพระองค์ตรัสว่าพระองค์จะให้งานนี้ พระองค์ทรงประทานให้ ลูกสาวของข้าพเจ้าได้งานทำเป็นโปรแกรมเมอร์ที่อยากทำ

ในตอนนั้นเราไม่เข้าใจว่าเพราะเหตุใดพระเจ้าจึงทรงประทานงานให้แก่ลูกสาวของข้าพเจ้าอีกแห่งหนึ่ง มันไม่ใช่การทดสอบความเชื่ออย่างแน่นอน พระองค์ทรงสัพพัญญู ฉะนั้นหมายความว่ามันต้องมีอะไรที่ล้ำลึกกว่านั้น แต่ตอนนี้เรารู้แล้ว อย่างที่เรารู้กันดีว่าขณะนี้เศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาตกต่ำอย่างที่สุด บริษัทยักษ์ใหญ่จำนวนไม่น้อยต้องปิดตัวลง ผู้คนจำนวนมากต้องตกงาน บริษัทที่ลูกสาวของข้าพเจ้าไปฝึกงานก็รวมอยู่ในข่ายนี้ด้วย พระองค์ทรงรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับบริษัทแห่งนี้ พระองค์จึงทรงกันลูกสาวของข้าพเจ้าให้พ้นจากความพินาศนั้น เมื่อข้าพเจ้าได้ข่าวนี้จากลูกสาวของข้าพเจ้านั้น ข้าพเจ้ามีอาการขนลุกด้วยความกลัวเกรงพระเจ้าผู้ใหญ่ยิ่งสูงสุด ส่วนความรู้สึกของลูกสาวของข้าพเจ้านั้นมีมิติที่ลึกยิ่งกว่า

ข้าพเจ้าใคร่อยากหนุนใจผู้ที่กำลังรอคอยคำตอบจากพระเจ้า แต่ยังมามาถึงสักที ขอให้อดทนอีกสักนิด คำตอบมาถึงอย่างแน่นอน แต่มันอาจจะไม่ใช่อย่างที่หวังไว้ แต่ขอให้แน่ใจเถอะว่าคำตอบที่มาถึงนั้นเป็นสิ่งที่ดียอดเยี่ยมที่สุด

ขอให้มั่นใจว่าพระเจ้าทรงสงวนสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับผู้ที่มอบการเลือกสรรไว้กับพระองค์

สิธยา คูหาเสน่ห์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น