คิดว่าทุกคนคงคุ้นกับวลีข้างต้นดีว่าเป็นชื่อบทเพลงสรรเสริญบทหนึ่ง ข้าพเจ้ารักเพลงบทนี้มาก ร้องครั้งใดก็มีความรู้สึกว่าได้รับการสัมผัสจากพระเจ้าทุกครั้ง และขอบพระคุณพระเจ้าที่ทรงรักข้าพเจ้า (และทุกคน) อย่างมากมาย รักมากจนยอมตายบนไม้กางเขนเพื่อไถ่ความบาปของเรา จะมีใครที่สามารถจะรักเราได้มากเช่นนี้อีกหรือ? ข้าพเจ้าจึงรักไม้กางเขนนั้น เพราะ :
โดยเหตุนี้ ข้าจึงรักไม้กางเขน
เพราะว่าเป็นที่จะวางภาระลง
ข้าก็คงยึดกางเขนไว้ให้มั่น
แล้ววันหนึ่งจะแลกเอามงกุฎงาม
ยังจำได้ว่าเมื่อยังเป็นเด็กจะห้อยไม้กางเขนเป็นประจำ และถ้าจะซื้อจี้ห้อยคออันใหม่ครั้งใดก็ต้องเลือกเป็นรูปไม้กางเขนทุกทีไป ตอนนั้นยังไม่เข้าใจความหมายของ “ไม้กางเขน” ดีนัก รู้แต่ว่าเมื่อคนเห็นเขาจะได้รู้ว่าเป็นคริสเตียน และเมื่อเห็นใครห้อยไม้กางเขนก็จะคิดว่าเขาเป็นคริสเตียนด้วย จะรู้สึกดีใจที่เห็นคริสเตียนด้วยกัน
แต่ปัจจุบันนี้ทัศนคติคงเปลี่ยนไปมาก เพราะไม่ว่าจะเป็นจี้ ต่างหู แหวน เข็มกลัด ที่ผู้สวมใส่ใช้นั้นไม่สามารถสรุปได้ว่าเขาเป็นคริสเตียน เราคงสรุปเอาจากเครื่องประดับที่เป็นไม้กางเขนไม่ได้เสียแล้ว เพราะถือเป็นแฟชั่นหรือเครื่องประดับธรรมดาๆชิ้นหนึ่งเท่านั้น
แต่สำหรับเราที่เป็นคริสเตียน ข้าพเจ้าหวังว่าท่านคงจะให้ :
ไม้กางเขนเป็นเครื่องเตือนใจท่านว่า ท่านเป้นคริสเตียน เป็นบุตรของพระเจ้า เป็นบุตรของความสว่าง ไม่ว่าท่านจะอยู่ที่ใด หรืออยู่ท่ามกลางชนหมู่ใด
ไม้กางเขนเป็นที่จะวางภาระหนักของท่านลงด้วยความวางใจในองค์พระผู้เป็นเจ้า
ไม้กางเขนเป็นความเข้าใจ เป็นข้อตกลงระหว่างพระเยซูคริสต์พระผู้ช่วยให้รอดและตัวเรา
เป็นเครื่องเตือนใจเราว่าเราถูกซื้อมาด้วยราคาแพง (1 คธ. 6:20) ไม่ได้เป็นเพียงสัญลักษณ์ที่แสดงความเป็นคริสเตียนของเราเท่านั้น
ไม้กางเขนเป็นที่เราจะตรึงความบาปของเรา ตรึงโลกียวิสัยของเรา ตรึงความปรารถนาตามใจของเราไว้ที่นั่น
ไม้กางเขนเป็นสิ่งท้าทายให้เรายินยอมให้พระเจ้าทรงใช้เรา ให้เราได้มีโอกาสประกาศข่าวประเสริฐของพระเจ้าเพื่อความรอดของคนอื่นๆด้วย ให้เราเป็นท่อพระพรที่จะนำข่าวดีไปยังคนทั้งโลก
ไม้กางเขนเป็นสิ่งหวงแหนของเรา เพราะที่นั่นเราได้ชีวิตใหม่ในพระเจ้าพระผู้ช่วยให้รอดของเรา เราได้สันติสุขที่ในโลกนี้ไม่สามารถจะให้เราได้ เป็นความสุขนิรันดร์
ท่านพร้อมที่จะทำอย่างนี้หรือยัง? ถ้าคิดว่ายังไม่พร้อม ถึงเวลาแล้วที่จะเริ่มต้นเพราะเวลาของท่าน (จริงๆแล้วของเราทุกคน) เหลือน้อยดต็มทีแล้ว เวลาที่พระเจ้าจะเสด็จกลับมาพิพากษาโลกใกล้เข้ามาทุกทีแล้ว เราไม่สามารถรู้ได้ว่าเป็นโมงใด สิ่งที่เราจะทำได้คือ เตรียมพร้อมไว้
ตอนนี้โลกก็ไร้พรมแดนแล้ว เราก็ก้าวเข้าสู่สหัสวรรษใหม่แล้ว เทคโนโลยีก็ก้าวหน้าไปไกลมากเสียจนคาดไม่ถึงทีเดียว ดังนั้นการประกาศข่าวประเสริฐข้ามโลกด้วยสื่อต่างๆเป็นเรื่องง่ายเพียงปลายนิ้วสัมผัสเท่านั้น ถ้าคริสเตียนทั่วโลกรวมพลังกันทำงาน ความสำเร็จจะหนีไปไหนพ้น คงเป็นความปีติยินดีอันล้นพ้นที่ทั่วโลกจะพูดกันด้วยภาษาพระคัมภีร์ พระนามของพระเจ้าจะได้รับการแซ่ซ้องสรรเสริญด้วยเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ทุกคนจะได้รับความรอด ไม่มีใครที่ถูกละทิ้งไว้เบื้องหลัง บึงไฟนรกจะถูกทิ้งร้าง และในสวรรค์จะแน่นขนัดเต็มไปด้วยคนที่เรารัก ญาติพี่น้อง เพื่อนฝูง และเพื่อนร่วมงาน เราจะได้พบกันอีกในวิสุทธนคร ท่านลองคิดดูสิว่า ความชื่นชมยินดีนั้นจะมากล้นสักเพียงใด!
ข้าพเจ้าแน่ใจว่าท่านคงอยากให้เป็นเช่นนั้นด้วย ไม่ใช่งานใหญ่เลยสำหรับเราที่เป็นคริสเตียนที่รักพระเจ้าอย่างแท้จริง และรู้ความหมายของ “ไม้กางเขน” อย่างถ่องแท้
แล้วพบกัน!
สิธยา คูหาเสน่ห์
ตอนเป็นเด็กชอบสร้อยที่เป็นไม้กางเขนมากเช่นกันค่ะ แต่คุณยายไม่ให้ใส่ ค่อนข้างจะต่อต้านอย่างรุนแรง คือชอบไม้กางเขน แต่ไม่ได้ชอบพระเยซู เราเคยไม่ชอบพวกมาประกาศข่าวดี ทะเลาะกับเขาด้วย ก่อนจะแยกไป เขาบอก สักวันหนึ่งคุณจะต้องเชื่อพระเจ้า เราเชิดหน้าใส่ แล้วบอก "เชอะ ไม่มีทาง" จากนั้นอีกหลายสิบปีผ่านไป เมื่อมาเชื่อพระเจ้า หลังจากรับด้วยปากเท่านั้น ภาพนั้นที่เราทำกับพระเจ้าก็เข้ามา ทำให้เรารู้สึกหน้าชาไปเลย อายมาก
ตอบลบ