6/5/52

โกหกตัวเอง

ท่านเคยได้ยินมาบ้างหรือไม่ว่าอะไรๆ ที่คนหนึ่งบอกว่าดี จริงๆ แล้วไม่ได้ดีจริงอย่างที่พูด อย่างเช่น “ฉันจริงใจจริงๆ นะ” “ฉันเป็นคนใจถ่อม” “ฉันเป็นคนซื่อตรง” “ฉันมีความสุขมากๆ” และอีกสารพัดสิ่งดีๆ
แท้จริงคงรู้ตัวว่าไม่เป็นจริงดังที่พูดจึงพยายามย้ำกับตัวเองและคนอื่นๆ (จงให้คนอื่นสรรเสริญเจ้า และไม่ใช่ปากของเจ้าเอง ให้คนต่างถิ่นสรรเสริญ ไม่ใช่ริมฝีปากของเจ้าเอง…สุภาษิต 27:2)

มันน่าแปลกที่พบว่าการโกหกตัวเองและการไม่ยอมรับความจริงที่เรากำลังเผชิญอยู่เป็นเพียงการหลีกหนีความจริงที่เจ็บปวดเท่านั้นเอง

เราอาจโกหกตัวเองด้วยจิตใต้สำนึกของเรา เพราะสภาพความเป็นจริงนั้นทำให้เรากลัว วิตก กังวล เครียด เจ็บปวด เราโกหกเพราะเราอยากได้ยินสิ่งที่อยากได้ยิน เป็นการปฏิเสธความจริงที่น่าเจ็บปวด การล่อลวงใจให้โกหกมันน่าลิ้มลองจนยากต่อการปฏิเสธ จนในที่สุดเราก็ตกลงในหลุมพรางของมันและนับวันจะยิ่งถลำลึกลงๆ จนถอนตัวไม่ขึ้น เรากลัวที่จะเผชิญหน้ากับความเป็นจริง แต่การเลี่ยงการรับมือกับมันในภายหลังไม่ทำให้สถานการณ์ดีขึ้นหรือหมดปัญหาไปเลย แต่กลับทำให้เลวร้ายมากขึ้นต่างหาก

ทุกครั้งที่เราโกหกตัวเองเท่ากับเรายอมให้ความกลัวเข้าครอบงำ ถ้าเราทำเช่นนั้นต่อไปเรื่อยๆ การโกหกของเราก็จะกลายเป็นนิสัย และไม่ช้าไม่นานความซื่อสัตย์ของเราก็จะค่อยๆ ลดลงจนถึงกับหมดไปทั้งหมด นอกจากนั้นการไม่ยอมรับมือกับความเป็นจริงก็จะทำให้เราพลาดโอกาสที่จะแก้ไขสถานการณ์นั้นๆ อย่างที่เรารู้กันผลก็คือเหตุการณ์จะเลวร้ายเกินเยียวยา

ทำไมเราโกหกตัวเอง ทำไมเรายอมให้ตัวเองเป็นทั้งผู้หลอกลวงและเหยื่อของการหลอกลวง มันเป็นไปได้หรือที่เราจะหลอกแม้กระทั่งตัวเอง

เราอาจไม่รู้ว่าเราโกหกตัวเองไว้มากแค่ไหน การไม่ยอมรับความจริงนั้นทำได้ง่ายเพราะไม่มีหลักฐานบ่งชี้ว่าเราโกหก เวลาโกหกตัวเอง เราไม่ได้พูดออกมาดังๆ และเราก็ไม่ต้องรายงานตัวต่อใครทั้งนั้น ดังนั้นมันจึงทำได้ง่ายๆ (เราจึงโกหกตัวเองซ้ำแล้วซ้ำอีกอยู่อย่างนั้น)

เราโกหกตัวเองก็คือเพื่อไม่ให้ตัวเองเจ็บปวด โดยปกติเป็นการปกป้องการเคารพตนเอง มีความคิดบางอย่างที่ไม่เป็นที่ยอมรับของเรา ด้วยเหตุนั้นเราจึงไม่คิดมันให้รกสมอง เราก็ได้แต่หวังว่าไม่นานนักความเป็นจริงก็จะเปลี่ยนไปและคำโกหกก็จะหมดความหมายไปเอง ตัวอย่างเช่น เราอาจไม่ยอมรับว่าเราหดหู่ใจ ปลอบใจตัวเองว่าแล้วมันก็จะหายไปเองน่ะแหละ เราบอกตัวเองอย่างนั้น เราให้เหตุผลว่าถ้ามันหายไปจริงๆ คำโกหกของเราก็จะไม่สำคัญอะไรอีกต่อไป และเป็นการหลีกเลี่ยงที่จะรับมือกับความจริงที่เจ็บปวดได้ อย่างไรก็ดี มันไม่เคยเป็นความคิดที่ดีเลยสักนิดที่จะยอมทิ้งความซื่อสัตย์ และก็ไม่เคยเป็นมุมมองที่ถูกต้องเช่นกันที่จะปฏิเสธความจริง การโกหกผู้อื่นทำให้พวกเขาสูญเสียความไว้เนื้อเชื่อใจในตัวเราอย่างไร การโกหกตัวเองก็ประนีประนอมความเชื่อถือของเราเองอย่างนั้น เราจะไม่สามารถเข้าใจตัวเองและไม่อาจแยกแยะว่าอะไรจริงอะไรไม่จริง

การโกหกตัวเองยังเกี่ยวโยงกับความรู้สึกผิดและการปกปิดความผิดอีกด้วย เหตุผลง่ายๆ คือเราไม่อยากยอมรับว่าเราเป็นคนผิด การโกหกทำให้เราหลุดพ้นจากการถูกมองแบบนั้น เรายังปลอบใจตัวเองอีกว่าเราไม่ได้โยนความผิดให้ใครนะ เราไม่ได้พูดว่าคนนี้คนโน้นผิด คนคิดกันไปเองต่างหาก ที่โกหกก็เพื่อปกป้องตัวเองจากความเป็นจริงที่เป็นอยู่โดยมีความหวังว่าสถานการณ์จะดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่จริง

เมื่อเรากล้าพอที่จะหยุดโกหกตัวเองและยอมรับความผิด ความบาป และปัญหาต่างๆ เราก็จะเป็นอิสระจากคำลวงที่พันธนาการเราอยู่ และมิใช่เพื่อทำให้ตัวเองตกต่ำลง แต่เป็นการช่วยตัวเองให้พ้นจากกับดักของการไม่ยอมรับความจริงที่ขุดหลุมพรางไว้ล่อให้ตกลงไปต่างหาก และเติบโตขึ้นเสียทีในความรักและพระคุณของพระเจ้า แล้วเราจะพบว่าความจริงใจและการยอมรับความจริงจะช่วยให้ความสัมพันธ์ดีขึ้นอย่างประหลาดทั้งกับพระเจ้าและกับคนอื่นๆ เมื่อเราโกหก เราซ่อนตัวอยู่ภายใต้หน้ากาก (ตัวตนที่เราสร้างขึ้นใหม่) แต่หน้ากากสร้างความสัมพันธ์ไม่ได้ ตัวตนที่แท้จริงของเราเท่านั้นที่ทำได้ และพระเจ้าเท่านั้นที่จะช่วยให้เราซื่อสัตย์ทั้งกับตัวเองและกับพระองค์ มันเป็นทางเดียวที่จะมีชีวิตที่เต็มบริบูรณ์

ถึงเวลาที่เราจะถอดหน้ากากออกหรือยัง หยุดคิดสักนิดว่าอะไรคือสาเหตุของสถานการณ์เลวร้ายที่กำลังเผชิญอยู่ แล้วหาทางรับมือกับมันทันที และหลีกเลี่ยงที่จะยอมให้มีการคาดเดา การปฏิเสธความจริง การหลอกลวง หรือการข่มควมรู้สึก เราคงทำสิ่งนี้ไม่ได้ด้วยกำลังของตัวเราเอง อย่าทิ้งพระเจ้าไว้ที่ไหนสักแห่ง ร้องทูลต่อพระองค์สิ ร้องขอให้พระองค์ทรงช่วยกู้เราจากวังวนแห่งคำลวง ร้องทูลสิว่า “โอ ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงช่วยกู้ข้าพระองค์ให้พ้นจากริมฝีปากมุสา จากลิ้นที่หลอกลวง” (สดุดี 120:2) และระลึกถึงและเชื่อในสิทธิอำนาจของพระวจนะของพระองค์ในฟิลิปปี 4:13 ว่า ข้าพเจ้า (ฉัน) ผจญทุกสิ่งได้โดยพระองค์ผู้ทรงเสริมกำลังข้าพเจ้า

ข้าแต่พระเจ้า ขอพระองค์ทรงอยู่กับข้าพระองค์ในวันนี้ ขอทรงเสริมกำลังข้าพระองค์ให้ผจญทุกสิ่งได้ และขอทรงนำข้าพระองค์ให้เดินในทางที่ถูกและทำในสิ่งซึ่งเป็นที่พอพระทัยของพระองค์ เอเมน


สิธยา คูหาเสน่ห์