อย่างน้อยเสียงที่ได้ยินมีอยู่
3
เสียง
ได้แก่
- พระสุรเสียงของพระเจ้า
- เสียงของซาตาน (เสียงแห่งโลก)
- เสียงของเราเอง
เราจะรู้ได้อย่างไรว่าเรากำลังได้ยินพระสุรเสียงของพระเจ้า
เสียงของซาตาน หรือ เสียงของเราเอง
ชีวิตของเราเต็มไปด้วยการตัดสินใจที่เราไม่อาจหาคำตอบที่แน่ชัดได้จากพระคัมภีร์
เราต่างก็มีแนวคิดเกี่ยวกับความจริง
แต่เราจะรู้แน่ชัดได้อย่างไรว่าความคิดต่างๆ
มาจากพระเจ้า
บางครั้งการแยกแยะระหว่างความคิดของเราเองจากการทรงนำของพระเจ้าเป็นเรื่องยาก
แล้วหากการยึดกุมความคิดนั้นมาจากมารและไม่ใช่มาจากพระเจ้าล่ะ
เราจะรู้ได้อย่างไร
พระเจ้าใช้หลายวิธีในการตรัสกับแต่ละบุคคล
พระองค์ทรงมีวิธีที่จะเข้าถึงเรา
สามวิธีที่รู้จักกันดีในหมู่ผู้เชื่อ
ได้แก่ การอธิษฐาน การอ่านพระคัมภีร์
และการทรงนำของพระวิญญาณบริสุทธิ์
และบางครั้งพระองค์ทรงใช้ผู้เชื่อที่ดำเนินในทางของพระเจ้าเป็นผู้แนะนำ
หากพระเจ้าทรงต้องการที่จะพูดกับเรา
ไม่มีอะไรสามารถหยุดพระองค์ได้
พระองค์อาจใช้หนึ่งวิธีหรือช่องทางทั้งหมดเพื่อติดต่อกับเรา
แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนคือ
เรามีหน้าที่ฟังและทำตาม
พระเจ้าทรงไม่อยากให้เราล้มเหลว
ยิ่งเราฟังพระองค์มากเท่าไร
เราก็ยิ่งรู้จักแยกแยะพระสุรเสียงของพระองค์จากเสียงอื่นๆ
ได้ดีมากขึ้นเท่านั้น
พระเยซูซึ่งทรงเป็นสุดยอดผู้เลี้ยงแกะทรงสัญญาว่า
“เมื่อท่านต้อนแกะของท่านออกไปหมดแล้วก็เดินนำหน้า
และแกะก็ตามไปเพราะรู้จักเสียงของท่าน”
(ยอห์น
10:4
ฉบับมาตรฐาน)
เราจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องซื่อสัตย์กับตัวเองเพื่อให้รู้ว่าเสียงใดเป็นเสียงของเราเองและเสียงใดมาจากพระเจ้าหรือซาตาน
เรารู้ได้เพราะ...
พระเจ้าตรัสอยู่ในส่วนลึกของจิตวิญญาณของเรา
แต่ซาตานพูดอยู่ในจิตใจ
พระเจ้าเท่านั้นที่ทรงประทับอยู่ในจิตวิญญาณของเรา
ฉะนั้น จะมีทั้งพระเจ้าและซาตานพร้อมกันไม่ได้
(แต่คนที่ผูกพันกับพระผู้เป็นเจ้า
ก็เป็นจิตวิญญาณเดียวกับพระองค์
1
โครินธ์
6:17
ฉบับมาตรฐาน)
พระสุรเสียงของพระเจ้าอ่อนโยนและโน้มน้าวจิตใจ
ไม่มีความกดดัน พระเจ้าตรัสสอนว่าควรทำอะไร
ในขณะที่ซาตานตึึงตังและอึกทึกครึกโครม
เรียกร้องให้ตอบสนองทันควันเสมอ
ซาตานตะโกนใส่เราว่าต้องทำ
พระสุรเสียงของพระเจ้าทำให้เกิดสันติสุขและความรู้สึกอุ่นใจว่าทุกสิ่งอยู่ภายใต้การควบคุม
เสียงของซาตานทำให้เกิดความสิ้นหวังและบอกว่าเราสูญสิ้นทุกอย่างไปแล้ว
พระสุรเสียงของพระเจ้าชัดเจนและเด่นชัดเสมอ
บอกชัดว่าเราควรเดินไปในทิศทางใด
เสียงของซาตานทำให้เกิดความสับสนและความไม่แน่ใจ
ไม่รู้จะเดินไปทางไหนดี
ในที่สุดก็หลงทาง
(เพราะว่าพระเจ้าไม่ใช่พระเจ้าแห่งความวุ่นวาย
...1
โครินธ์
14:33
ฉบับมาตรฐาน)
ความวุ่นวายแปลตามตัวอักษรได้ว่า
ความไม่สงบสุข ความสับสนอลหม่าน
ความไม่มั่นคง เป็นต้น
เมื่อใดก็ตามที่เรายังไม่แน่ใจว่าจะทำอย่างไรต่อไป
จงรอคอยการทรงนำของพระเจ้าด้วยการวิงวอนอธิษฐาน
พระเจ้าตรัสเมื่อเราแสวงหาและพร้อมที่จะฟังพระองค์
ซาตานจู่โจมเข้าใส่ความคิดของเราโดยไม่ได้ร้องขอ
(แล้วเจ้าจะร้องทูลเรา
และมาอธิษฐานต่อเรา
และเราจะฟังเจ้า
เจ้าจะแสวงหาเราและพบเราเมื่อเจ้าแสวงหาเราด้วยสิ้นสุดใจของเจ้า
เยเรมีย์ 29:12-13
ฉบับมาตรฐาน)
พระสุรเสียงของพระเจ้าให้ความแน่ใจแก่เรา
เสียงของซาตานทำให้เกิดความกระวนกระวายใจ
พระสุรเสียงของพระเจ้าเป็นคำตอบของสิ่งที่เป็นปัญหาของเรา
เสียงของซาตานทำให้เรามืดมนหาคำตอบไม่เจอ
พระสุรเสียงของพระเจ้าหนุนน้ำใจ
เสียงของซาตานทำให้หมดกำลังใจ
พระสุรเสียงของพระเจ้าบอกว่า
“ควรทำ”
เสียงของซาตานชี้นำว่า
“ต้องการทำ”
พระสุรเสียงของพระเจ้าดังกังวานอยู่ในส่วนลึกของจิตวิญญาณ
เสียงของซาตานจางหายไปถ้าเราไม่ฟัง
ดังนั้น
หากเราจะรู้จักพระสุรเสียงของพระเจ้า
เราต้องรู้จักพระองค์ก่อน
และสร้างสัมพันธภาพกับพระองค์
มีประสบการณ์กับพระองค์
เมื่อนั้นเราจะได้ยินเสียงที่ถูกต้องที่จะนำเราไปสู่นิรันดร์กาล
ไม่ใช่ขุมนรก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น