7/6/56

เสียงใครที่ได้ยิน


อย่างน้อยเสียงที่ได้ยินมีอยู่ 3 เสียง ได้แก่
  1. พระสุรเสียงของพระเจ้า
  2. เสียงของซาตาน (เสียงแห่งโลก)
  3. เสียงของเราเอง


เราจะรู้ได้อย่างไรว่าเรากำลังได้ยินพระสุรเสียงของพระเจ้า เสียงของซาตาน หรือ เสียงของเราเอง ชีวิตของเราเต็มไปด้วยการตัดสินใจที่เราไม่อาจหาคำตอบที่แน่ชัดได้จากพระคัมภีร์ เราต่างก็มีแนวคิดเกี่ยวกับความจริง แต่เราจะรู้แน่ชัดได้อย่างไรว่าความคิดต่างๆ มาจากพระเจ้า บางครั้งการแยกแยะระหว่างความคิดของเราเองจากการทรงนำของพระเจ้าเป็นเรื่องยาก แล้วหากการยึดกุมความคิดนั้นมาจากมารและไม่ใช่มาจากพระเจ้าล่ะ เราจะรู้ได้อย่างไร


พระเจ้าใช้หลายวิธีในการตรัสกับแต่ละบุคคล พระองค์ทรงมีวิธีที่จะเข้าถึงเรา สามวิธีที่รู้จักกันดีในหมู่ผู้เชื่อ ได้แก่ การอธิษฐาน การอ่านพระคัมภีร์ และการทรงนำของพระวิญญาณบริสุทธิ์ และบางครั้งพระองค์ทรงใช้ผู้เชื่อที่ดำเนินในทางของพระเจ้าเป็นผู้แนะนำ หากพระเจ้าทรงต้องการที่จะพูดกับเรา ไม่มีอะไรสามารถหยุดพระองค์ได้ พระองค์อาจใช้หนึ่งวิธีหรือช่องทางทั้งหมดเพื่อติดต่อกับเรา แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนคือ เรามีหน้าที่ฟังและทำตาม


พระเจ้าทรงไม่อยากให้เราล้มเหลว ยิ่งเราฟังพระองค์มากเท่าไร เราก็ยิ่งรู้จักแยกแยะพระสุรเสียงของพระองค์จากเสียงอื่นๆ ได้ดีมากขึ้นเท่านั้น พระเยซูซึ่งทรงเป็นสุดยอดผู้เลี้ยงแกะทรงสัญญาว่า “เมื่อท่านต้อนแกะของท่านออกไปหมดแล้วก็เดินนำหน้า และแกะก็ตามไปเพราะรู้จักเสียงของท่าน” (ยอห์น 10:4 ฉบับมาตรฐาน)


เราจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องซื่อสัตย์กับตัวเองเพื่อให้รู้ว่าเสียงใดเป็นเสียงของเราเองและเสียงใดมาจากพระเจ้าหรือซาตาน


เรารู้ได้เพราะ...


พระเจ้าตรัสอยู่ในส่วนลึกของจิตวิญญาณของเรา แต่ซาตานพูดอยู่ในจิตใจ พระเจ้าเท่านั้นที่ทรงประทับอยู่ในจิตวิญญาณของเรา ฉะนั้น จะมีทั้งพระเจ้าและซาตานพร้อมกันไม่ได้ (แต่คนที่ผูกพันกับพระผู้เป็นเจ้า ก็เป็นจิตวิญญาณเดียวกับพระองค์ 1 โครินธ์ 6:17 ฉบับมาตรฐาน)


พระสุรเสียงของพระเจ้าอ่อนโยนและโน้มน้าวจิตใจ ไม่มีความกดดัน พระเจ้าตรัสสอนว่าควรทำอะไร ในขณะที่ซาตานตึึงตังและอึกทึกครึกโครม เรียกร้องให้ตอบสนองทันควันเสมอ ซาตานตะโกนใส่เราว่าต้องทำ


พระสุรเสียงของพระเจ้าทำให้เกิดสันติสุขและความรู้สึกอุ่นใจว่าทุกสิ่งอยู่ภายใต้การควบคุม เสียงของซาตานทำให้เกิดความสิ้นหวังและบอกว่าเราสูญสิ้นทุกอย่างไปแล้ว


พระสุรเสียงของพระเจ้าชัดเจนและเด่นชัดเสมอ บอกชัดว่าเราควรเดินไปในทิศทางใด
เสียงของซาตานทำให้เกิดความสับสนและความไม่แน่ใจ ไม่รู้จะเดินไปทางไหนดี ในที่สุดก็หลงทาง (เพราะว่าพระเจ้าไม่ใช่พระเจ้าแห่งความวุ่นวาย ...1 โครินธ์ 14:33 ฉบับมาตรฐาน)
ความวุ่นวายแปลตามตัวอักษรได้ว่า ความไม่สงบสุข ความสับสนอลหม่าน ความไม่มั่นคง เป็นต้น เมื่อใดก็ตามที่เรายังไม่แน่ใจว่าจะทำอย่างไรต่อไป จงรอคอยการทรงนำของพระเจ้าด้วยการวิงวอนอธิษฐาน


พระเจ้าตรัสเมื่อเราแสวงหาและพร้อมที่จะฟังพระองค์ ซาตานจู่โจมเข้าใส่ความคิดของเราโดยไม่ได้ร้องขอ (แล้วเจ้าจะร้องทูลเรา และมาอธิษฐานต่อเรา และเราจะฟังเจ้า เจ้าจะแสวงหาเราและพบเราเมื่อเจ้าแสวงหาเราด้วยสิ้นสุดใจของเจ้า เยเรมีย์ 29:12-13 ฉบับมาตรฐาน)


พระสุรเสียงของพระเจ้าให้ความแน่ใจแก่เรา เสียงของซาตานทำให้เกิดความกระวนกระวายใจ


พระสุรเสียงของพระเจ้าเป็นคำตอบของสิ่งที่เป็นปัญหาของเรา เสียงของซาตานทำให้เรามืดมนหาคำตอบไม่เจอ


พระสุรเสียงของพระเจ้าหนุนน้ำใจ เสียงของซาตานทำให้หมดกำลังใจ


พระสุรเสียงของพระเจ้าบอกว่า “ควรทำ” เสียงของซาตานชี้นำว่า “ต้องการทำ”


พระสุรเสียงของพระเจ้าดังกังวานอยู่ในส่วนลึกของจิตวิญญาณ เสียงของซาตานจางหายไปถ้าเราไม่ฟัง


ดังนั้น หากเราจะรู้จักพระสุรเสียงของพระเจ้า เราต้องรู้จักพระองค์ก่อน และสร้างสัมพันธภาพกับพระองค์ มีประสบการณ์กับพระองค์ เมื่อนั้นเราจะได้ยินเสียงที่ถูกต้องที่จะนำเราไปสู่นิรันดร์กาล ไม่ใช่ขุมนรก


สิธยา คูหาเสน่ห์


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น