18/2/56

ขอพูดเรื่อง “ความรัก” อีกสักครา

“ความรัก” ที่ข้าพเจ้าจะพูดถึงนี้เป็นความรักของแม่มีต่อลูก ความรักแบบนี้ยิ่งใหญ่และไร้เงื่อนไข ความรักแบบนี้ไม่มีใครสามารถอธิบายได้ว่ายิ่งใหญ่แค่ไหนและมีขอบเขตสิ้นสุดที่ใด

ความรักของแม่เป็นความรัก
  • ที่ทรงพลัง
  • ที่มีการอุทิศตัวและการเสียสละ
  • ที่ไม่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัว
  • ที่อดทนได้ทุกกรณี
  • ที่อมตะ (ไม่มีวันตาย)
  • ที่มีการให้อภัยเสมอ
  • ที่ไม่มีวันจืดจาง

แม่เป็นผู้ที่มีความรักให้ลูกเสมอ แม้ว่าใจจะเจ็บปวดสักปานใดก็ไม่มีวันทอดทิ้งลูกอย่างเด็ดขาด แม่เชื่อในตัวลูกเสมอแม้ว่าทั้งโลกจะกร่นด่าก็ตาม

ความรักแบบนี้ลึกล้ำเกินคำอธิบาย ยากต่อการเข้าใจ และเป็นการแสดงถึงพระหัตถ์อันทรงฤทธิ์ของพระเจ้าอีกทางหนึ่ง หากท่านอยากเข้าใจว่าความรักของพระเจ้าเป็นอย่างไร ก็ขอให้รับการสัมผัสความรักของแม่ นั่นเป็นความรักที่ใกล้เคียงความรักของพระเจ้าที่มีต่อบรรดาลูกๆ ของพระองค์

ตลอดหลายๆ ปีที่ผ่านมาข้าพเจ้ามีความยากลำบากอยู่ไม่น้อยกับการที่ไม่ได้อยู่กับลูกทั้งสามคนพร้อมหน้ากัน ลูกสาวคนเล็กอยู่ที่อเมริกา จึงมีลูกอยู่กับข้าพเจ้าสองคนเท่านั้นในประเทศไทย ต่อมาลูกสาวคนโตก็ไปทำงานที่เซี่ยงไฮ้ จึงเหลือลูกชายอยู่กับข้าพเจ้าเพียงคนเดียว มันเป็นเรื่องยากที่มีลูกอยู่กันคนละประเทศและข้าพเจ้าก็สามารถอยู่กับลูกได้ทีละคนเท่านั้น แม้ว่าข้าพเจ้าจะเดินทางไปเยี่ยมทุกปีแต่ก็เป็นเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ตอนนี้ลูกสาวคนโตกลับมาแล้วก็ยังคงต้องเป็นห่วงและคิดถึงลูกสาวคนเล็กต่อไปเหมือนเดิม หลายๆ คนพูดกับข้าพเจ้าว่าพวกเขาไม่รู้หรอกว่าความรู้สึกที่ต้องอยู่ห่างลูกเป็นอย่างไร ความเป็นห่วงที่มีต่อลูกจะมากมายแค่ไหน (โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยามที่ลูกเจ็บป่วย) ข้าพเจ้าก็ไม่มีคำตอบที่ชัดเจนให้พวกเขาเพราะไม่รู้ว่าจะอธิบายให้เข้าใจได้อย่างไร

ที่ข้าพเจ้ายกเรื่องความรักของแม่มาพูดเพราะได้เจอะเจอเหตุการณ์กับความรักแบบนี้มาสดๆ ร้อนๆ ที่อเมริกา ข้าพเจ้าคงบอกไม่ได้ว่าในขณะที่แม่สองคนกำลังสูญเสียลูกไปต่อหน้าต่อตานั้นความรู้สึกจะเป็นอย่างไร ใจจะแตกสลายสักแค่ไหน มันเป็นเรื่องโหดร้ายเกินไปสำหรับผู้เป็นแม่ที่ต้องเจอะเจอเหตุการณ์แบบนั้น

คนหนึ่งเป็นเพื่อนของลูกสาว เธอพาลูกชายสองคนไปขึ้นรถไฟใต้ดิน ข้าพเจ้าคิดว่าท่านคงพอมองเห็นภาพการขึ้นรถไฟใต้ดินได้ เมื่อรถไฟจอดผู้โดยสารที่จะขึ้นต้องรอให้ผู้โดยสารที่ต้องการจะลงออกมาก่อนจึงจะเข้าไปได้ และประตูรถก็เปิดอยู่ไม่นาน ในเวลาที่มีผู้โดยสารมากๆ ก็ต้องรีบกันเลยทีเดียว เพื่อนคนนี้จูงลูกสองคนขึ้นรถไฟ ข้าพเจ้าไม่แน่ใจว่าเพราะเหตุใดลูกชายคนโตขึ้นรถไฟไปแล้วในขณะที่เธอและลูกชายคนเล็กยังอยู่ที่ชานชาลา อาจจะถูกเบียดจนต้องปล่อยมือจากลูกคนโตก็เป็นได้ เมื่อประตูปิดเธอและลูกชายคนเล็กจึงยังไม่สามารถขึ้นไปได้ เธอวิ่งไปยังหัวรถที่มีเจ้าหน้าที่อยู่และบอกให้ช่วยหยุดรถไฟเป็นกรณีฉุกเฉิน แต่ไม่ได้รับความร่วมมือทั้งๆ ที่สามารถทำได้ ข้าพเจ้าคงบอกไม่ได้ว่าในนาทีนั้นผู้เป็นแม่และลูกน้อยที่อยู่บนรถไฟคนเดียวจะตกใจขนาดไหน แต่เธอสอนลูกไว้ว่าในกรณีแบบนี้ให้พยายามเดินหาผู้โดยสารที่เป็นผู้หญิงที่มีลูกมาด้วยเพื่อขอความช่วยเหลือ สุดท้ายก็มีผู้ใจดีพาเด็กไปมอบให้ตำรวจและได้พบกับแม่ในที่สุด เป็นการพลัดพรากเพียงชั่วขณะ

อีกกรณีหนึ่งแม่พาลูกน้อยสองคนขับรถหนีพายุแซนดี แต่กระแสน้ำที่เชี่ยวกรากมาเร็วเหลือเกินจนขับรถต่อไปไม่ได้ จึงตัดสินใจสละรถ เธอหนีบลูกน้อยไว้ใต้แขนข้างละคนฝ่าพายุและกระแสน้ำไปขอความช่วยเหลือ เธอตัดสินใจไปเคาะประตูบ้านที่อยู่ในละแวกนั้น ข้าพเจ้าไม่แน่ชัดว่าไปเคาะกี่บ้าน แต่มีบ้านหนึ่งเปิดประตูมาและบอกให้ไปขอความช่วยเหลือที่อื่นเถอะ (ที่จริงเธอแค่ขอพักหลบพายุเท่านั้น ข้าพเจ้าไม่เข้าใจว่าทำไมจึงไม่ช่วย) เมื่อไม่มีใครยินดีต้อนรับให้ความช่วยเหลือก็จำใจต้องเดินหน้าต่อไป แต่กระแสน้ำแรงมากจนต้านไม่อยู่ ลูกน้อยทั้งสองคนก็ถูกน้ำพัดหลุดลอยไปต่อหน้าต่อตา เป็นการจากกันชั่วนิรันดร์

กรณีแรกได้ลูกกลับคืนมา แต่กรณีหลังเสียลูกไปอย่างไม่มีวันได้กลับคืนมาในคราวเดียวถึงสองคน ท่านลองคิดดูเถอะว่าหัวใจของผู้เป็นแม่จะแตกสลายสักเพียงใด ข้าพเจ้าไม่เข้าใจว่าทำไมคนในยุคนี้จึงใจจืดใจดำเช่นนี้ ทั้งสองกรณีเป็นข่าวใหญ่โตหลายสื่อทีเดียว ข้าพเจ้าใคร่อยากรู้ว่าเจ้าหน้าที่รถไฟและเจ้าของบ้านคนนั้นเมื่อได้ยินการนำเสนอข่าวแล้วจะรู้สึกผิดบ้างไหม นึกอยากย้อนเวลากลับไปแล้วแก้ไขสิ่งผิดให้ถูกไหม ข้าพเจ้าในฐานะที่เป็นแม่คนหนึ่งรู้สึกเศร้าใจเป็นอย่างยิ่งกับเหตุการณ์ทั้งสองกรณี

รึว่าคนในยุคสุดท้ายจะเป็นเช่นนี้ เห็นแก่ตัว ไร้ศีลธรรม ไร้ความรู้สึก ความรักโบยบินไปไหนเสียแล้ว

เศร้าจริงๆ เช่นนั้น เราในฐานะลูกของพระเจ้าอย่าทำตามอย่างคนในโลกนี้เลย เราได้รับความรักจากพระเจ้าพระบิดามาอย่างเต็มเปี่ยม ให้เราแบ่งปันความรักนั้นออกไป เพราะการแบ่งปันความรักจะทำให้เราได้รับความรักเพิ่มขึ้น ยิ่งให้ก็ยิ่งได้รับคงเป็นคำพูดที่เป็นจริง อย่าให้เราแสดงความรักกันปีละคนเท่านั้น เราควรแบ่งปันความรักเสมอทุกเวลา พระเจ้าทรงเป็นความรัก พระองค์ทรงสร้างเราทั้งหลายตามพระฉายาของพระองค์ ทรงปรารถนาให้เราเป็นเหมือนพระองค์ พร้อมไหมที่จะให้คนทั้งโลกเห็นว่าเราในฐานะผู้ติดตามพระเจ้าที่ทรงเป็นความรักเป็นความรัก

ท้ายสุดนี้ ข้าพเจ้าขอส่งความรักผ่านข้อความนี้ไปยังท่านผู้อ่านทุกท่าน

สิธยา คูหาเสน่ห์