22/6/55

ความกระวนกระวายใจ

ยังไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันก็ย่างเข้าครึ่งปีหลังเสียแล้ว ที่เขาพูดว่าเวลาผ่านไปเหมือนติดปีก (ใหญ่ๆ เสียด้วย) เห็นจะจริง สำหรับข้าพเจ้ายิ่งรู้สึกเช่นนั้นจริงๆ เพราะป่วยเสียเดือนกว่า (เมื่อเร็วๆ นี้) ไม่ทราบเหมือนกันว่าสาเหตุจริงๆ คืออะไร ไม่ได้ป่วยมานานโข จู่ๆ ก็ล้มหมอนนอนเสื่อ ร่างกายผ่ายผอมจนคนทัก แพทย์ก็เดาว่าเป็นโน่นเป็นนี่ หรือว่าร่างกายจะประท้วงเพราะเดี๋ยวก็ไปอยู่ในที่ที่หนาวจัดจนมือเท้าชาไร้ความรู้สึก ยังไม่ทันปรับตัวอย่างเต็มที่ก็กลับมาอยู่ในที่ที่อากาศร้อนระอุราวกับเตาไฟ แต่ไม่ว่าอาการป่วยของข้าพเจ้าจะเกิดจากสาเหตุใดก็ตาม พระเจ้าก็ทรงรักษาให้หายแล้ว ตอนนี้ก็สบายดีแล้วจึงได้กลับมาขีดๆ เขียนๆ เหมือนเดิม (แต่จะพูดว่าขีดๆ เขียนๆ เห็นจะไม่ถูกนัก เพราะสมัยนี้เทคโนโลยีล้ำหน้า คงไม่มีใครเขียนกันแล้ว)

โลกของเราเปลี่ยนแปลงไปมากจริงๆ ในหลายๆ ด้าน ไม่น่าแปลกที่คนในโลกปัจจุบันจะมีความกระวนกระวายใจมากมายหลายเรื่อง ไม่เว้นแม้แต่คริสเตียน ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเรื่องความขัดแย้ง สุขภาพที่ย่ำแย่ สถานการณ์อันตรายที่กำลังเผชิญอยู่ ความตายที่คืบใกล้เข้ามา ความจำเป็นในชีวิตที่ยังขาดอยู่ ชีวิตฝ่ายวิญญาณที่อ่อนแอ ความเชื่อแบบผิดๆ ที่คุกคามอยู่ ฯลฯ แต่พระคัมภีร์บอกว่า “อย่ากระวนกระวายในสิ่งใดๆ เลย แต่จงทูลพระเจ้าให้ทรงทราบทุกสิ่งที่พวกท่านขอ โดยการอธิษฐานและการวิงวอน พร้อมกับการขอบพระคุณ แล้วสันติสุขของพระเจ้าที่เกินความเข้าใจ จะคุ้มครองจิตใจและความคิดของท่านทั้งหลายไว้ในพระเยซูคริสต์ (ฟิลิปปี 4:6-7 ฉบับมาตรฐาน) ฉะนั้น หากท่านมีความกระวนกระวายใจในเรื่องใด จงทูลต่อพระเจ้าเถิด พระองค์ทรงสดับฟังการร้องทูลของท่าน ขอบพระคุณแม้ว่าคำตอบหรือทางออกยังมาไม่ถึง อีกครั้งที่พระคัมภีร์ย้ำว่า “จงละความกังวลทุกอย่างของท่านไว้กับพระองค์ เพราะว่าพระองค์ทรงห่วงใยท่านทั้งหลาย” (1 เปโตร 5:7 ฉบับมาตรฐาน)

ดังนั้น คงไม่มีอะไรผิดที่จะยอมรับและพยายามรับมือกับปัญาต่างๆ ในชีวิต การไม่ยอมรับรู้เป็นเรื่องโง่เขลาและไม่ถูกต้อง แต่การวิตกกังวลเกินเหตุก็คงไม่ใช่เรื่องถูกต้องเหมือนกัน และเป็นสิ่งที่ไม่ควรให้เกิดขึ้นอย่างยิ่ง สิ่งที่ควรทำคือทูลเรื่องราวความกระวนกระวายใจหรือความวิตกกังวลต่อพระเจ้าโดยการอธิษฐานวิงวอน พระองค์ทรงสามารถปลดปล่อยท่านจากความกลัวหรือความกังวลต่างๆ และทรงช่วยให้ท่านสามารถจัดการกับความจำเป็นในชีวิตและสงครามฝ่ายวิญญาณได้ตามความเป็นจริง

บางทีสาเหตุที่ทำให้บางคนวิตกกังวลและกลัว กระวายใจ อาจเป็นผลของความบาปและความรู้สึกผิดของคนนั้น ถ้าท่านทำบาปหรือทำสิ่งที่ผิด ท่านอาจกลัวหรือกังวลเกี่ยวกับพระเจ้า มโนธรรมอาจกำลังพยายามทำให้ท่านสนใจกับสิ่งที่ทำไป สิ่งที่ท่านต้องทำคือ กลับใจ สารภาพบาป และทูลขอให้พระเจ้าทรงอภัย และแก้ใขสิ่งผิดและทำสิ่งที่ถูกต้อง นอกจากนั้นลองสำรวจดูสิว่านอนหลับพักผ่อนเพียงพอหรือไม่ โดยทั่วไปมนุษย์ต้องการการนอนหลับพักผ่อนประมาณ 8-9 ชั่วโมงต่อวัน การพักผ่อนที่ไม่เพียงพออาจทำให้กระวนกระวายใจได้ ถ้านอนไม่หลับ ท่านอาจทูลขอความช่วยเหลือจากพระเจ้าหรือไม่ก็ไปพบแพทย์

หัดเป็นคนสมเหตุสมผลมากขึ้น คนมากมายมีความกังวลเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่ยังมาไม่ถึงและไม่เคยเกิดขึ้นเลย ผ่อนคลายเสียบ้าง และทำวันนี้ให้ดีที่สุด จงมีชีวิตอยู่วันต่อวัน ติดสนิทกับพระเจ้า และทำทุกอย่างให้ดีที่สุด ลองหาเวลาฟังดนตรีเบาๆ เพลงคริสเตียนซึ่งสามารถช่วยท่านให้มุ่งความสนใจไปที่พระเจ้าและทิ้งความกลัวและความวิตกกังวลไว้เบื้องหลังมีอยู่มากมาย (จากประสบการณ์ส่วนตัว เพลงบรรเลงคริสเตียนสามารถช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายได้จริงๆ)

เมื่อมีความวิตกกังวล อย่าเก็บไว้ในใจ หาใครสักคนที่ไว้ใจได้และพูดคุยแบ่งปันกัน การพูดปัญหาต่างๆ ออกมาน่าจะช่วยให้คลายกังวลไปได้บ้าง แต่เพื่อนที่ดีที่สุดและสามารถรับฟังได้ทุกเรื่องก็คือองค์พระเยซูคริสต์เจ้าผู้เป็นสหายเลิศของเรานั่นเอง (2 เธสะโลนิกา 2:16-17 ฉบับมาตรฐาน “ขอให้องค์พระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา และพระเจ้าพระบิดาของเรา ผู้ทรงรักเราและประทานให้เรามีความชูใจนิรันดร์ และความหวังดีโดยพระคุณ ทรงชูใจและทรงเสริมท่านให้มั่นคง ในการกระทำและในวาจาอันดีทุกอย่าง”)

ความกระวนกระวายใจหรือความวิตกกังวลมีผลต่อความเชื่อ ขณะที่กำลังทุกข์ใจกับปัญหาต่างๆ ท่านอาจสงสัยพระเจ้า อาจมีคำถามมากมายผุดขึ้นในความนึกคิด อาจไม่มั่นใจว่าพระเจ้าทรงฟังคำร้องทูลจริงหรือ ทำไมคำตอบมาไม่ถึงเสียที ขอแล้วทำไมไม่ได้ เมื่อตกอยู่ในสภาวะเช่นนี้ อย่าสงสัยพระเจ้า

ความวิตกกังวลทำให้ความรู้สึกมั่นคงลดลงเป็นสัดส่วนโดยตรงต่อกัน เมื่อชีวิตดำเนินไปตามแผนและรู้สึกมั่นคง ความวิตกกังวลก็จะค่อยๆ หมดไป ในทำนองเดียวกัน ความวิตกกังวลมีมากขึ้นเมื่อรู้สึกว่าชีวิตถูกคุกคาม ชีวิตไม่มั่นคง หรือเมื่อหมกมุ่นอยู่กับผลลัพธ์บางอย่าง ผู้เชื่อต้องรู้จักที่จะละความกระวนกระวายใจหรือความวิตกกังวลของตนไว้กับองค์พระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าโดยการอธิษฐานวิงวอนต่อพระองค์ การกระทำเช่นนี้ทำให้มีความเชื่อวางใจในพระองค์มากขึ้น และทำให้ความเชื่อเข้มแข็งขึ้น นี่เป็นวิธีขจัดความกระวนกระวายใจหรือความวิตกกังวลสำหรับผู้เชื่อ

สุดท้ายนี้ ข้าพเจ้าขอหนุนใจพี่น้องคริสเตียนที่กำลังตกอยู่ในภาวะวิตกกังวลและความเชื่อเริ่มสั่นคลอนว่า จงวางใจพระเจ้า ไม่มีปัญหาใดใหญ่เกินกว่าพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่ ทูลทุกเรื่องราวต่อพระองค์ คร่ำครวญต่อพระองค์ และสัตย์ซื่อในการดำเนินชีวิตคริสเตียน

ขอพระเจ้าทรงอวยพระพร

สิธยา คูหาเสน่ห์