โลกของเราเปลี่ยนแปลงไปมากจริงๆ
ในหลายๆ ด้าน
ไม่น่าแปลกที่คนในโลกปัจจุบันจะมีความกระวนกระวายใจมากมายหลายเรื่อง
ไม่เว้นแม้แต่คริสเตียน
ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเรื่องความขัดแย้ง
สุขภาพที่ย่ำแย่
สถานการณ์อันตรายที่กำลังเผชิญอยู่
ความตายที่คืบใกล้เข้ามา
ความจำเป็นในชีวิตที่ยังขาดอยู่
ชีวิตฝ่ายวิญญาณที่อ่อนแอ
ความเชื่อแบบผิดๆ ที่คุกคามอยู่
ฯลฯ แต่พระคัมภีร์บอกว่า
“อย่ากระวนกระวายในสิ่งใดๆ
เลย แต่จงทูลพระเจ้าให้ทรงทราบทุกสิ่งที่พวกท่านขอ
โดยการอธิษฐานและการวิงวอน
พร้อมกับการขอบพระคุณ
แล้วสันติสุขของพระเจ้าที่เกินความเข้าใจ
จะคุ้มครองจิตใจและความคิดของท่านทั้งหลายไว้ในพระเยซูคริสต์
(ฟิลิปปี 4:6-7
ฉบับมาตรฐาน) ฉะนั้น
หากท่านมีความกระวนกระวายใจในเรื่องใด
จงทูลต่อพระเจ้าเถิด
พระองค์ทรงสดับฟังการร้องทูลของท่าน
ขอบพระคุณแม้ว่าคำตอบหรือทางออกยังมาไม่ถึง
อีกครั้งที่พระคัมภีร์ย้ำว่า
“จงละความกังวลทุกอย่างของท่านไว้กับพระองค์
เพราะว่าพระองค์ทรงห่วงใยท่านทั้งหลาย”
(1 เปโตร 5:7 ฉบับมาตรฐาน)
ดังนั้น
คงไม่มีอะไรผิดที่จะยอมรับและพยายามรับมือกับปัญาต่างๆ
ในชีวิต การไม่ยอมรับรู้เป็นเรื่องโง่เขลาและไม่ถูกต้อง
แต่การวิตกกังวลเกินเหตุก็คงไม่ใช่เรื่องถูกต้องเหมือนกัน
และเป็นสิ่งที่ไม่ควรให้เกิดขึ้นอย่างยิ่ง
สิ่งที่ควรทำคือทูลเรื่องราวความกระวนกระวายใจหรือความวิตกกังวลต่อพระเจ้าโดยการอธิษฐานวิงวอน
พระองค์ทรงสามารถปลดปล่อยท่านจากความกลัวหรือความกังวลต่างๆ
และทรงช่วยให้ท่านสามารถจัดการกับความจำเป็นในชีวิตและสงครามฝ่ายวิญญาณได้ตามความเป็นจริง
บางทีสาเหตุที่ทำให้บางคนวิตกกังวลและกลัว
กระวายใจ อาจเป็นผลของความบาปและความรู้สึกผิดของคนนั้น
ถ้าท่านทำบาปหรือทำสิ่งที่ผิด
ท่านอาจกลัวหรือกังวลเกี่ยวกับพระเจ้า
มโนธรรมอาจกำลังพยายามทำให้ท่านสนใจกับสิ่งที่ทำไป
สิ่งที่ท่านต้องทำคือ กลับใจ
สารภาพบาป และทูลขอให้พระเจ้าทรงอภัย
และแก้ใขสิ่งผิดและทำสิ่งที่ถูกต้อง
นอกจากนั้นลองสำรวจดูสิว่านอนหลับพักผ่อนเพียงพอหรือไม่
โดยทั่วไปมนุษย์ต้องการการนอนหลับพักผ่อนประมาณ
8-9 ชั่วโมงต่อวัน
การพักผ่อนที่ไม่เพียงพออาจทำให้กระวนกระวายใจได้
ถ้านอนไม่หลับ
ท่านอาจทูลขอความช่วยเหลือจากพระเจ้าหรือไม่ก็ไปพบแพทย์
หัดเป็นคนสมเหตุสมผลมากขึ้น
คนมากมายมีความกังวลเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่ยังมาไม่ถึงและไม่เคยเกิดขึ้นเลย
ผ่อนคลายเสียบ้าง
และทำวันนี้ให้ดีที่สุด
จงมีชีวิตอยู่วันต่อวัน
ติดสนิทกับพระเจ้า
และทำทุกอย่างให้ดีที่สุด
ลองหาเวลาฟังดนตรีเบาๆ
เพลงคริสเตียนซึ่งสามารถช่วยท่านให้มุ่งความสนใจไปที่พระเจ้าและทิ้งความกลัวและความวิตกกังวลไว้เบื้องหลังมีอยู่มากมาย
(จากประสบการณ์ส่วนตัว
เพลงบรรเลงคริสเตียนสามารถช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายได้จริงๆ)
เมื่อมีความวิตกกังวล
อย่าเก็บไว้ในใจ
หาใครสักคนที่ไว้ใจได้และพูดคุยแบ่งปันกัน
การพูดปัญหาต่างๆ
ออกมาน่าจะช่วยให้คลายกังวลไปได้บ้าง
แต่เพื่อนที่ดีที่สุดและสามารถรับฟังได้ทุกเรื่องก็คือองค์พระเยซูคริสต์เจ้าผู้เป็นสหายเลิศของเรานั่นเอง
(2 เธสะโลนิกา 2:16-17
ฉบับมาตรฐาน
“ขอให้องค์พระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา
และพระเจ้าพระบิดาของเรา
ผู้ทรงรักเราและประทานให้เรามีความชูใจนิรันดร์
และความหวังดีโดยพระคุณ
ทรงชูใจและทรงเสริมท่านให้มั่นคง
ในการกระทำและในวาจาอันดีทุกอย่าง”)
ความกระวนกระวายใจหรือความวิตกกังวลมีผลต่อความเชื่อ
ขณะที่กำลังทุกข์ใจกับปัญหาต่างๆ
ท่านอาจสงสัยพระเจ้า
อาจมีคำถามมากมายผุดขึ้นในความนึกคิด
อาจไม่มั่นใจว่าพระเจ้าทรงฟังคำร้องทูลจริงหรือ
ทำไมคำตอบมาไม่ถึงเสียที
ขอแล้วทำไมไม่ได้
เมื่อตกอยู่ในสภาวะเช่นนี้
อย่าสงสัยพระเจ้า
ความวิตกกังวลทำให้ความรู้สึกมั่นคงลดลงเป็นสัดส่วนโดยตรงต่อกัน
เมื่อชีวิตดำเนินไปตามแผนและรู้สึกมั่นคง
ความวิตกกังวลก็จะค่อยๆ
หมดไป ในทำนองเดียวกัน
ความวิตกกังวลมีมากขึ้นเมื่อรู้สึกว่าชีวิตถูกคุกคาม
ชีวิตไม่มั่นคง
หรือเมื่อหมกมุ่นอยู่กับผลลัพธ์บางอย่าง
ผู้เชื่อต้องรู้จักที่จะละความกระวนกระวายใจหรือความวิตกกังวลของตนไว้กับองค์พระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าโดยการอธิษฐานวิงวอนต่อพระองค์
การกระทำเช่นนี้ทำให้มีความเชื่อวางใจในพระองค์มากขึ้น
และทำให้ความเชื่อเข้มแข็งขึ้น
นี่เป็นวิธีขจัดความกระวนกระวายใจหรือความวิตกกังวลสำหรับผู้เชื่อ
สุดท้ายนี้
ข้าพเจ้าขอหนุนใจพี่น้องคริสเตียนที่กำลังตกอยู่ในภาวะวิตกกังวลและความเชื่อเริ่มสั่นคลอนว่า
จงวางใจพระเจ้า
ไม่มีปัญหาใดใหญ่เกินกว่าพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่
ทูลทุกเรื่องราวต่อพระองค์
คร่ำครวญต่อพระองค์
และสัตย์ซื่อในการดำเนินชีวิตคริสเตียน
ขอพระเจ้าทรงอวยพระพร
สิธยา
คูหาเสน่ห์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น