31/1/54

น่าคิด!


ในช่วงไม่ถึงสองเดือนที่ผ่านมา ข้าพเจ้าได้รับทราบข่าวการจากไปของหลายคน เริ่มต้นด้วยแม่สามีซึ่งหลับไปในขณะดูทีวีรายการสดุดีพระเจ้าอยู่หัว ตามมาด้วยแม่ของเพื่อนที่รู้จักกันออนไลน์ผ่านการสามัคคีธรรมแบบคริสเตียน ท่านจากไปในอ้อมกอดของเพื่อนคนนี้ก่อนวันคริสตมาสเพียงไม่กี่วัน (เพื่อนไม่ได้บอกสาเหตุ เพียงแต่เล่าว่าท่านบ่นว่าเหนื่อย) แลัวก็เป็นการจากไปของเพื่อนสนิทมากที่สุดคนหนึ่ง (กมล พฤกษฑลกุล) เนื่องจากเส้นเลือดใหญ่แตก เขาจากไปตามลำพังที่บ้านพักของเขาในแอลเอ (แต่ข้าพเจ้าเชื่อว่าทูตสวรรค์นำทางเขากลับบ้านถาวรของเขาอย่างแน่นอน) และสุดท้าย (หวังว่าคงเป็นข่าวสุดท้ายสำหรับในช่วงนี้) พ่อของเพื่อนร่วมงานของลูกสาวคนเล็ก จริงๆ ท่านป่วยมานานด้วยโรคไต และเสียชีวิตลงเป็นการปิดฉากช่วงชีวิตที่ทุกข์ทรมานมานานโดยมีภรรยาและลูกอีกคนอยู่เคียงข้างในเกาหลี

ข่าวเหล่านี้น่าจะบอกอะไรเราได้บ้าง อย่างน้อยก็เป็นการเตือนให้เตรียมตัวให้พร้อมเพราะไม่รู้ว่าพระเจ้าจะทรงเรียกให้กลับบ้านเมื่อไร เมื่อหลายสัปดาห์ก่อนในการสามัคคีธรรมช่วงพักดื่มกาแฟที่คริสตจักร มีคนถามข้าพเจ้าว่า "พี่ พร้อมไหมถ้าพระเจ้าจะเรียกพี่กลับบ้านตอนนี้" น่าคิด!

ถ้าเช่นนั้นเราน่าจะรักกันให้มาก จริงๆ แล้วคริสเตียนพูดถึงเรื่องความรักตลอดเวลา แต่พูดอย่างเดียวพอไหม พระคัมภีร์บอกว่า “...อย่าให้เรารักกันด้วยคำพูดและด้วยปากเท่านั้น แต่จงรักกันด้วยการกระทำและด้วยความจริง" (1 ยอห์น 3:18) ท่านคิดว่าเราทั้งหลายทำตามสิ่งที่พระเจ้าตรัสให้เราทำหรือยัง รักกันด้วยคำพูดคงทำไม่ยาก เพียงพูดคำว่า "รัก" พูดอย่างเดียวหรือว่าหมายความอย่างนั้นจริงๆ เวลาที่พูดว่า "รัก" อีกฝ่ายรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ ไหม น่าคิด!

ถ้าเช่นนั้นอย่าปล่อยให้ "น่าคิด" อยู่เลย ทำให้มันเป็นรูปธรรมกันดีไหม อย่าได้แต่คิดจะทำ เมื่อคิดแล้วก็ทำเลยจะดีกว่า มิเช่นนั้นท่านจะหมดโอกาสทำเพื่อเป็นการแสดงความรักด้วยการกระทำกับคนที่ท่านรัก บางทีอาจสายไปเพราะเขาเหล่านั้นไม่อยู่กับเราแล้ว การกระทำนั้นไม่จำเป็นต้องยิ่งใหญ่ เพียงสิ่งเล็กๆ ก็อาจมีความหมายยิ่งใหญ่สำหรับคนๆ นั้นก็ได้ อย่าดูถูกสิ่งเล็กน้อย อย่างเช่น การโทรศัพท์ไปเยี่ยมเยียนใครสักคน ท่านอาจเดาไม่ออกว่าการโทรศัพท์ของท่านอาจช่วยกู้ใครสักคนให้พ้นจากวิกฤตชีิวิตที่กำลังเผชิญอยู่ก็ได้ ส่วนข้าพเจ้าก็มีสามัคคีธรรมออนไลน์กับคนจำนวนหนึ่ง บางครั้งเมื่อกดส่งก็จะได้รับข้อความกลับมาทันทีเพื่อขอบคุณสำหรับการหนุนใจที่กำลังห่อเหี่ยวท้อแท้ ข้าพเจ้าขอบคุณพระเจ้าทุกครั้งที่เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น แม้มันจะเป็นสิ่งที่ข้าพเจ้าทำทุกวัน และข้าพเจ้าก็ไม่ได้คิดว่ามันเป็นสิ่งยิ่งใหญ่อะไร แม้เล็กน้อยทว่ายิ่งใหญ่สำหรับบางคน อีกครั้งที่ น่าคิด! เพราะสิ่งเล็กน้อยที่เราทั้งหลายทำนั้น พระเจ้าทรงทอดพระเนตรเห็นทุกเรื่อง อย่าลังเลที่จะทำสิ่งเล็กน้อยเพื่อผู้อื่น อย่าท้อใจเพราะคิดว่ามันไม่สำคัญ ความสำคัญอยู่ตรงที่การเริ่มต้นทำต่างหาก ทำสิ่งเล็กน้อยก็ยังดีกว่าไม่ได้ทำอะไรเลย และสิ่งเล็กน้อยนั้นถ้าทำอย่างดีย่อมนำไปสู่โอกาสที่ใหญ่กว่า น่าคิด!

บางครั้งเราอาจคิดว่าตัวเราช่างเล็กน้อยไร้ค่าเสียเหลือเกิน จะทำอะไรเพื่อพระเจ้าได้บ้าง พระองค์จะทรงต้องการเราล่ะหรือ และถ้าหากเราคิดเช่นนั้นก็เป็นการผิดมาก

ครั้งหนึ่งพระเยซูทรงต้องการเลี้ยงอาหารคนเป็นจำนวนมากที่มาฟังคำเทศนาของพระองค์ พวกเขาหิวแล้วและสถานที่นั้นก็อยู่ห่างจากแหล่งอาหารไกลโขทีเดียว สาวกคนหนึ่ง (เปโตร) ทูลพระองค์ว่า "ที่นี่มีเด็กชายคนหนึ่งมีขนมปังบารลีห้าก้อนกับปลาสองตัว" จากสิ่งเล็กน้อยที่เด็กชายคนนั้นมีพระเยซูทรงทำการอัศจรรย์ยิ่งใหญ่ในการเลี้ยงคนห้าพันคนจนอิ่ม ขอให้จำไว้ว่าไม่ว่าท่านจะเป็นใคร พระเจ้าทรงเห็นว่าท่านเป็นคนสำคัญและสามารถทำการใหญ่จากตัวท่านหรือสิ่งที่ท่านมี จริงที่ว่าเราอยู่ในยุคที่ยกย่องความยิ่งใหญ่ แต่สิ่งใหญ่ก็ขึ้นอยู่กับสิ่งเล็กน้อย และแผนการของพระเจ้าก็ขึ้นอยู่กับการกระทำ ความคิด และการปฏิบัติหน้าที่เล็กน้อยในแต่ละวันของเรา อย่าคิดว่าสิ่งที่ท่านทำเป็นเรื่องเล็กน้อยไม่สำคัญ เพราะจากสิ่งเล็กน้อยเหล่านั้นจะกลายเป็นสิ่งใหญ่ได้ อย่าดูถูกสิ่งเล็กน้อยเพราะพระเจ้าทรงสร้างสิ่งเหล่านั้นในชีวิตของท่าน และพระราชกิจของพระองค์จะสำเร็จได้จากสิ่งเล็กน้อยที่ท่านมีและที่ท่านเป็น น่าคิด!

ให้สิ่งเล็กน้อยที่ท่านทำเพื่อมนุษย์และเพื่อพระเจ้าเป็นการถวายพระเกียรติแด่พระเจ้าองค์ผู้สูงสุด เอเมน

สิธยา คูหาเสน่ห์

21/1/54

ลาก่อน... เพื่อนรัก (บทความพิเศษ)


ลาก่อน... เพื่อนรัก
(เพื่อระลึกถึงคุณกมล พฤกษฑลกุล)

การบอกลากันเป็นเรื่องยาก การบอกลาสำหรับข้าพเจ้ามีสามแบบ หนึ่ง การบอกลาเมื่อพบหน้ากันแล้วและต้องแยกย้ายกันไป สอง การบอกลาเมื่อไปเยี่ยมใครบางคนและต้องเดินทางกลับ (กรณีอยู่กันคนละที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนละประเทศ) และ สาม การบอกลาชั่วนิรันดร์เมื่ออีกคนเดินทางกลับบ้านถาวรของเขา

สิ่งที่ข้าพเจ้าอยากแบ่งปันเป็นเพียงความทรงจำช่วงหนึ่งในชีวิตกับเพื่อนรักที่มีชื่อว่า กมล พฤกษฑลกุล แต่ข้าพเจ้าไม่เคยเรียกชื่อจริงของเขาเลย เขาคือ "โจ" สำหรับข้าพเจ้าและเพื่อนสนิทบางคนที่มีความทรงจำในวัยเด็กร่วมกัน โจและข้าพเจ้าไปนมัสการที่คริสตจักรเดียวกันเมื่อวัยเด็กจนกระทั่งเขาย้ายมาปักหลักลงฐานที่สหรัฐอเมริกา เราสนิทกันมาก เป็นเพื่อนบ้านกัน ไปเที่ยวด้วยกันบ้าง เข้าค่ายโบสถ์ด้วยกัน ใช้ชีวิตประจำวันด้วยกันหลังเลิกเรียน โจเรียกตัวเองว่า "ไอ" และเรียกข้าพเจ้าว่า "ยู" และข้าพเจ้าก็ทำในทำนองเดียวกัน

เนื่องจากโจไม่ใช่คนเทคโนโลยี เราก็เลยไม่ได้ติดต่อกันด้วยอีเมล์ หลังจากที่โจเดินทางมาอยู่ที่แอลเอแล้ว ก็มีโอกาสพบกันเมื่อเขาเดินทางไปประเทศไทยเท่านั้น ซึ่งการพบแต่ละครั้งก็สั้นๆ เพราะเขามีธุระมาก ทุกครั้งที่พบกันความเป็นเพื่อนก็เหมือนเดิม ไม่ได้รู้สึกห่างเหินจากการไม่ได้พบกันเป็นเวลานาน เขาเป็นคนสม่ำเสมอมาก ในด้านหนึ่งที่บอกได้คือเขาส่งการ์ดอวยพรวันคริสตมาสให้ข้าพเจ้าทุกปี และข้าพเจ้าก็ทำตัวเป็นเพื่อนที่แสนดีโดยการไม่ส่งตอบกลับไป (ตอนนี้ก็หมดโอกาสแล้วแม้ว่าจะกลับตัวกลับใจที่จะส่งตอบกลับไปบ้าง) แต่ปีที่ผ่านมา (คริสตมาส 2010) แปลก ไม่ได้รับการ์ดจากโจเลย ได้แต่ของหลานซึ่งเขาไม่รู้ที่อยู่และส่งมาเพื่อให้ข้าพเจ้าส่งต่อเท่านั้น ก็ยังคิดขำๆ ว่าโจคงเบื่อที่จะส่งให้แล้ว เพราะไม่เคยส่งตอบกลับไปเลย (ขอโทษนะ โจ) ต่อไปก็ไม่มีการ์ดจากโจอีกแล้ว

ข้าพเจ้าทราบข่าวการจากไปของโจจากหลานซึ่งได้รับข่าวมาอีกทอดหนึ่ง พวกเราที่ประเทศไทยยังไม่ปักใจเชื่อและสงสัยว่าเป็นการเล่นตลกของใครบางคนหรือเปล่า แต่ข่าวแบบนี้ไม่น่าจะมีใครแผลงเล่นตลก ใจหนึ่งก็เชื่อแล้ว แต่ก็ยังต้องการการยืนยัน ข้าพเจ้าก็พยายามติดต่อกับเพื่อนอีกคนหนึ่งที่อยู่อเมริกาและสนิทกับโจเหมือนกัน เขาก็ไม่รู้เรื่อง และบอกว่ายังคุยโทรศัพท์กับโจเมื่ออาทิตย์ก่อนอยู่เลย แต่หลังจากนั้นก็ได้รับการยืนยันจากเพื่อนที่แอลเอว่าโจจากไปแล้วจริงๆ เราต่างก็พูดไม่ออกกับการจากไปอย่างกระทันหันของเพื่อนรักคนนี้

ข่าวบอกว่าหัวใจวาย แต่ข้าพเจ้าก็ยังได้ข่าวมาอีกหลายกระแสเกี่ยวกับสาเหตุของการจากไปของเขา เพื่อให้แน่ใจข้าพเจ้าจึงพยายามหาทางติดต่อกับพี่ชายของเขา และด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ก็สามารถติดต่อกับพี่ชายคนที่สองของเขา และก็ได้ทราบว่าผลจากการชันสูตรศพบอกว่าเนื่องจาก ruptured aorta เมื่อโจไม่ได้ไปเล่นเปียโนที่โบสถ์ในเช้าวันที่ 2 มกราคม พี่ชายก็ตามไปดูที่บ้านและพบว่าโจเสียชีวิตแล้วและไม่ทราบว่าเสียชีวิตนานแค่ไหนแล้ว แม้ว่าโจจะจากไปตามลำพัง แต่ข้าพเจ้าแน่ใจว่าเขาไม่ได้เดินทางกลับบ้านคนเดียวอย่างแน่นอน ทูตสวรรค์ได้นำทางเขากลับไปเพื่อเข้าเฝ้าองค์พระผู้เป็นเจ้า และไปพบคุณพ่อคุณแม่ของเขาซึ่งเดินทางล่วงหน้าไปคอยอยู่แล้ว

สำหรับเราซึ่งยังคงจาริกอยู่ในโลกนี้ก็คงจะรู้สึกอาลัยกับการจากไปของโจ แต่มันเป็นการจากไปที่แฝงด้วยความชื่นชมยินดี เพราะที่ที่โจไปอยู่ย่อมดีกว่าที่ที่เขาอยู่ก่อนหน้านี้อย่างแน่นอน สักวันหนึ่งเราก็จะได้พบหน้ากันอีก แล้วพบกันนะเพื่อนรัก

ข้าพเจ้าไม่คิดว่าการบอกลาเมื่อเดือนเมษายนปีที่แล้ว (2010) จะเป็นการบอกลาแบบที่สองและสามสำหรับโจและข้าพเจ้า ครอบครัวของข้าพเจ้าได้มีโอกาสพบกับโจเมื่อเดือนเมษายนปีที่แล้ว เขาพาพวกเราไปเลี้ยงอาหารและหลังอาหารเขาก็พาสามีและข้าพเจ้าไปที่บ้าน เขาชงชาให้เรา (ซึ่งข้าพเจ้ายังหยอกเล่นว่าทำเป็นด้วยหรือ) เราคุยกันอย่างสนุกสนาน เป็นเวลาที่น่าจดจำอีกช่วงหนึ่งในชีวิต หลังจากนั้นเขาก็ขับรถไปส่งเราที่โรงแรม ข้าพเจ้าเป็นห่วงเพราะเขาขับรถเร็ว ยังเตือนเขาให้ระวังตัวด้วย ข้าพเจ้าบอกเขาว่าจะเดินทางต่อไปนิวยอร์กและจะอยู่ที่นั่นกับลูกสาวคนเล็กสองเดือน ระหว่างที่ข้าพเจ้าอยู่ที่นิวยอร์กก็ได้มีโอกาสคุยกับโจหลายครั้งด้วยกัน แต่ข้าพเจ้าไม่ได้โทรศัพท์ไปบอกเมื่อถึงกำหนดต้องเดินทางกลับประเทศไทย เมื่อข้าพเจ้าเดินทางกลับมาแล้ว โจก็โทรศัพท์มาที่บ้านเพื่อถามว่าข้าพเจ้าเดินทางกลับมาหรือยัง นี่ก็เป็นความน่ารักอีกอย่างหนึ่งของเพื่อนรักคนนี้ มีความห่วงใยอยู่เสมอ

ตอนนี้ไม่มีโจแล้ว รู้สึกใจหายที่คนอันเป็นที่รักจากไปอีกคน เราไม่รู้จริงๆ ว่าพระเจ้าจะทรงเรียกเรากลับบ้านเมื่อไหร่ เราต้องเตรียมตัวให้พร้อม พร้อมทั้งด้านกายภาพและด้านจิตวิญญาณ

ข้าพเจ้าขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัวของโจกับการสูญเสียครั้งนี้ด้วย และก็ร่วมอาลัยกับการจากไปของโจกับเพื่อนๆ และทุกคนที่รู้จักกับเพื่อนรักคนนี้ของข้าพเจ้า มันอาจจะกระทันหันไปนิด แต่เราต้องยอมรับความเป็นจริงที่เกิดขึ้นให้ได้ ให้เราหนุนน้ำใจกันและกัน และให้ความทรงจำของเราแต่ละคนซึ่งต่างกันไปยังคงอยู่ในคลังความคิดของเราตลอดไป

ลาก่อน...เพื่อนรัก จนกว่าจะพบกันอีก

แต่ก่อนที่จบ ข้าพเจ้าคิดว่าโจเพื่อนรักของข้าพเจ้า ครูกมลของนักเรียนทั้งหลาย คุณกมลของเพื่อนๆ น้องกมลของพี่ชายทั้งสอง คงอยากบอกลาเราทุกคน ข้าพเจ้าจึงใช้ความรู้ความสามารถอันน้อยนิดเรียงร้อยถ้อยคำออกมา คิดว่าเขาผู้จากไปคงอยากจะบอกพวกเราว่า


I look down from here and see the people I hold so dear
I wish you'd accept my departure and wipe away the tear
I can see the pain inside your heart that I'm no more awaken
I'm sorry I had to depart , I am sorry it's all too sudden
For now I am here
To be with the Lord and my papa-mama.


I know how much you miss me, I know you hold me dear in your heart
But I am not so far away and we really aren't apart
Just remember me the way I was, love me still the way you do
Please, my dear ones, know that I do want to be with you
But now I am here
To be with the Lord and my papa-mama.

I have no words to tell you, how much joy heaven can bring
For it is beyond description, to hear the angels sing
I sent you each a special gift, from my heavenly home above
I sent you each a memory of my friendly love
Please love and keep each other, as you always do
I will count the blessings God gives each one of you
So be happy for me, my dear ones
For now I am here
To be with the Lord and my papa-mama.



สิธยา คูหาเสน่ห์

หมายเหตุ บทความนี้เป็นบทความพิเศษที่เขียนขึ้นเพื่อเป็นการบอกลาเพื่อนรักของข้าพเจ้าที่พระเจ้าทรงรับกลับบ้านถาวรของเขา และไม่ได้ตีพิมพ์ในหนังสือข่าวคริสตจักร แต่เขียนเป็นพิเศษให้กับ Peter Dreamland
และได้รับเกียรติลงในหนังสือพิมพ์เสรีชัยซึ่งวางขายทั่วสหรัฐอเมริกาโดยความกรุณาของ คุณปีเตอร์ ปัญญาชน ที่ส่งต้นฉบับไป

6/1/54

ท่อน้ำเลี้ยงชีวิตอุดตัน


ข้าพเจ้าคิดว่าท่านคงคุ้นกับคำว่า "หลอดเลือดอุดตัน" สาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดการอุดตันก็คือไขมัน ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาข้าพเจ้าได้ข่าวว่าหลายคนที่ข้าพเจ้ารู้จักต้องได้รับการแก้ไขภาวะหลอดเลือดอุดตันด้วยการขยายหลอดเลือดด้วยบอลลูน ด้วยพระคุณอันล้นเหลือของพระเจ้า ทุกคนปลอดภัยและกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ

ข้าพเจ้าเกิดความคิดเชิงเปรียบเทียบขึ้นมาอย่างนี้ว่า คริสเตียนอาจต้องเผชิญกับอีกภาวะหนึ่งซึ่งคล้ายกับภาวะ "หลอดเลือดอุดตัน" คือ "ท่อน้ำเลี้ยงชีวิตอุดตัน" สิ่งที่ทำให้เกิดการอุดตันขึ้นก็คือขยะชีิวิตซึ่งข้าพเจ้าเปรียบเสมือนไขมันที่ทำให้หลอดเลือดอุดตันนั่นเอง ขยะที่ว่านี้มีมากมายหลากหลายรูปแบบ เมื่อหลอดเลือดอุดตันเป็นอันตรายต่อชีวิตทางกายภาพฉันใด เมื่อท่อน้ำเลี้ยงชีวิตอุดตันก็เป็นอันตรายต่อชีวิตฝ่ายวิญญาณฉันนั้น เมื่อหลอดเลือดอุดตันเลือดซึ่งหล่อเลี้ยงชีวิตก็ไม่สามารถไหลเวียนอย่างอิสระในหลอดเลือด เมื่อเลือดไหลเวียนไม่สะดวกย่อมเป็นอันตรายต่อชีวิตอย่างแน่นอน ท่านคงมองเห็นแล้วนะว่าเมื่อท่อน้ำเลี้ยงชีวิตอุดตัน ชีวิตฝ่ายวิญญาณก็จะเป็นอันตรายเพราะขาดน้ำหล่อเลี้ยงชีวิตในทำนองเดียวกัน บางครั้งเมื่อชีวิตฝ่ายวิญญาณของเราไม่เติบโตหรือเจ็บป่วย เรามักจะไม่คิดว่าเกิดการอุดตันขึ้นในท่อน้ำเลี้ยงชีวิตของเราและทำให้ขาดน้ำหล่อเลี้ยง บ่อยครั้งกลับคิดว่าแหล่งน้ำแห่งชีวิตซึ่งก็คือพระเจ้าแห้งขอดไปเสียแล้ว เมื่อน้ำไม่ไหลจากท่อส่งน้ำไม่ได้หมายความว่าท่อส่งน้ำมีปัญหาหรือแหล่งน้ำแห้งขอด บางครั้งปัญหาอยู่ที่ปลายท่อนั่นเอง สิ่งที่ทำให้เกิดการอุดตันอาจเป็นตะกรัน ขี้สนิมที่จับกันเป็นก้อน หรือสิ่งปนเปื้อนอย่างอื่น ดังนั้นเมื่อชีวิตฝ่ายวิญญาณแคระแกร็น ลองสำรวจดูสิว่ามีอะไรที่ทำให้น้ำเลี้ยงชีวิตไหลไม่สะดวกบ้าง เมื่อพบแล้วก็กำจัดทิ้งเสีย แต่หากว่าหาด้วยตัวเองไม่ได้ หาเท่าไรก็ไม่พบ ลองขอความช่วยเหลือจากคนรอบข้างก็น่าจะเป็นทางออกที่ดี ที่สำคัญที่สุดต้องไม่ลืมที่จะทูลขอการช่วยเหลือจากพระเจ้าด้วย

ข้าพเจ้าอยากจะขอพูดถึงขยะต่างๆ ในชีวิตที่อาจทำให้เกิดการอุดตันขึ้นสัก 2-3 อย่าง

หนึ่ง ใจที่สงสัยในพระคุณของพระเจ้า ข้าพเจ้าคิดว่าความสงสัยนี่แหละเป็นศัตรูตัวฉกาจในการดำเนินชีวิตฝ่ายวิญญาณ ความสงสัยจะนำไปสู่ความพินาศในการดำเนินไปกับพระเจ้าด้วยความเชื่อ สงสัยกระนั้นหรือ สงสัยอะไร ไม่แน่ใจอะไร ข้าพเจ้าขอเน้นว่าพระเจ้าทรงใหญ่ยิ่งและมากล้นด้วยพระคุณ พระองค์ทรงทราบความจำเป็นในทุกๆ ด้าน และพระองค์ทรงจัดเตรียมสำหรับความจำเป็นนั้นๆ

สอง ชีวิตนอกน้ำพระทัย เราจะเสื่อมทรามลงทันทีหากยอมให้ความบาปย่างเข้ามาในชีวิตของเรา ชีวิตเช่นนี้ย่อมไม่อยู่ในน้ำพระทัยของพระเจ้าอย่างแน่นอน ก่อนที่เราจะรู้ตัวความบาปก็เข้าครอบงำชีวิตของเราแล้ว การหลงหายไปจากทางของพระเจ้าเป็นเรื่องละเอียดอ่อนและเกิดขึ้นทีละน้อยอย่างไม่รู้สึกตัว

สาม การไม่เข้าเฝ้าพระเจ้าเป็นประจำ ผู้เชื่อสามารถเข้าเฝ้าพระเจ้าได้ตลอดเวลา ในทุกที่ การเข้าเฝ้าพระเจ้าก็คือการอ่านพระวจนะ การอธิษฐาน ถ้าผู้เชื่อไม่ทำทั้งสองอย่างที่กล่าวมาข้างต้น ชีวิตฝ่ายวิญญาณจะเติบโตไม่ได้

แหล่งน้ำแห่งชีวิตพร้อมที่จะส่งน้ำมาหล่อเลี้ยงชีวิต แต่ท่อสำหรับส่งน้ำกลับอุดตัน ที่กล่าวมาเป็นเพียงตัวอย่างบางประการเท่านั้น ท่านลองสำรวจดูสิว่าท่อน้ำเลี้ยงชีวิตของท่านมีอะไรอุดตันที่ทำให้น้ำแห่งชีวิตไหลไม่สะดวกบ้างหรือไม่

ถ้ามี ท่านจะกำจัดมันอย่างไร

ถ้าไม่มี ก็เป็นสิ่งประเสริฐล้ำเลิศ

ข้าพเจ้าหวังว่าผู้เชื่อทั้งหลายจะหมั่นทำความสะอาดท่อน้ำเลี้ยงชีวิตของท่านให้สะอาด เพื่อจะได้รับน้ำแห่งชีิวิตอย่างเต็มที่เพื่อมาหล่อเลี้ยงชีวิตฝ่ายวิญญาณของท่าน ขอพระเจ้าทรงอวยพระพรทุกท่าน

สิธยา คูหาเสน่ห์