ในช่วงไม่ถึงสองเดือนที่ผ่านมา ข้าพเจ้าได้รับทราบข่าวการจากไปของหลายคน เริ่มต้นด้วยแม่สามีซึ่งหลับไปในขณะดูทีวีรายการสดุดีพระเจ้าอยู่หัว ตามมาด้วยแม่ของเพื่อนที่รู้จักกันออนไลน์ผ่านการสามัคคีธรรมแบบคริสเตียน ท่านจากไปในอ้อมกอดของเพื่อนคนนี้ก่อนวันคริสตมาสเพียงไม่กี่วัน (เพื่อนไม่ได้บอกสาเหตุ เพียงแต่เล่าว่าท่านบ่นว่าเหนื่อย) แลัวก็เป็นการจากไปของเพื่อนสนิทมากที่สุดคนหนึ่ง (กมล พฤกษฑลกุล) เนื่องจากเส้นเลือดใหญ่แตก เขาจากไปตามลำพังที่บ้านพักของเขาในแอลเอ (แต่ข้าพเจ้าเชื่อว่าทูตสวรรค์นำทางเขากลับบ้านถาวรของเขาอย่างแน่นอน) และสุดท้าย (หวังว่าคงเป็นข่าวสุดท้ายสำหรับในช่วงนี้) พ่อของเพื่อนร่วมงานของลูกสาวคนเล็ก จริงๆ ท่านป่วยมานานด้วยโรคไต และเสียชีวิตลงเป็นการปิดฉากช่วงชีวิตที่ทุกข์ทรมานมานานโดยมีภรรยาและลูกอีกคนอยู่เคียงข้างในเกาหลี
ข่าวเหล่านี้น่าจะบอกอะไรเราได้บ้าง อย่างน้อยก็เป็นการเตือนให้เตรียมตัวให้พร้อมเพราะไม่รู้ว่าพระเจ้าจะทรงเรียกให้กลับบ้านเมื่อไร เมื่อหลายสัปดาห์ก่อนในการสามัคคีธรรมช่วงพักดื่มกาแฟที่คริสตจักร มีคนถามข้าพเจ้าว่า "พี่ พร้อมไหมถ้าพระเจ้าจะเรียกพี่กลับบ้านตอนนี้" น่าคิด!
ถ้าเช่นนั้นเราน่าจะรักกันให้มาก จริงๆ แล้วคริสเตียนพูดถึงเรื่องความรักตลอดเวลา แต่พูดอย่างเดียวพอไหม พระคัมภีร์บอกว่า “...อย่าให้เรารักกันด้วยคำพูดและด้วยปากเท่านั้น แต่จงรักกันด้วยการกระทำและด้วยความจริง" (1 ยอห์น 3:18) ท่านคิดว่าเราทั้งหลายทำตามสิ่งที่พระเจ้าตรัสให้เราทำหรือยัง รักกันด้วยคำพูดคงทำไม่ยาก เพียงพูดคำว่า "รัก" พูดอย่างเดียวหรือว่าหมายความอย่างนั้นจริงๆ เวลาที่พูดว่า "รัก" อีกฝ่ายรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ ไหม น่าคิด!
ถ้าเช่นนั้นอย่าปล่อยให้ "น่าคิด" อยู่เลย ทำให้มันเป็นรูปธรรมกันดีไหม อย่าได้แต่คิดจะทำ เมื่อคิดแล้วก็ทำเลยจะดีกว่า มิเช่นนั้นท่านจะหมดโอกาสทำเพื่อเป็นการแสดงความรักด้วยการกระทำกับคนที่ท่านรัก บางทีอาจสายไปเพราะเขาเหล่านั้นไม่อยู่กับเราแล้ว การกระทำนั้นไม่จำเป็นต้องยิ่งใหญ่ เพียงสิ่งเล็กๆ ก็อาจมีความหมายยิ่งใหญ่สำหรับคนๆ นั้นก็ได้ อย่าดูถูกสิ่งเล็กน้อย อย่างเช่น การโทรศัพท์ไปเยี่ยมเยียนใครสักคน ท่านอาจเดาไม่ออกว่าการโทรศัพท์ของท่านอาจช่วยกู้ใครสักคนให้พ้นจากวิกฤตชีิวิตที่กำลังเผชิญอยู่ก็ได้ ส่วนข้าพเจ้าก็มีสามัคคีธรรมออนไลน์กับคนจำนวนหนึ่ง บางครั้งเมื่อกดส่งก็จะได้รับข้อความกลับมาทันทีเพื่อขอบคุณสำหรับการหนุนใจที่กำลังห่อเหี่ยวท้อแท้ ข้าพเจ้าขอบคุณพระเจ้าทุกครั้งที่เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น แม้มันจะเป็นสิ่งที่ข้าพเจ้าทำทุกวัน และข้าพเจ้าก็ไม่ได้คิดว่ามันเป็นสิ่งยิ่งใหญ่อะไร แม้เล็กน้อยทว่ายิ่งใหญ่สำหรับบางคน อีกครั้งที่ น่าคิด! เพราะสิ่งเล็กน้อยที่เราทั้งหลายทำนั้น พระเจ้าทรงทอดพระเนตรเห็นทุกเรื่อง อย่าลังเลที่จะทำสิ่งเล็กน้อยเพื่อผู้อื่น อย่าท้อใจเพราะคิดว่ามันไม่สำคัญ ความสำคัญอยู่ตรงที่การเริ่มต้นทำต่างหาก ทำสิ่งเล็กน้อยก็ยังดีกว่าไม่ได้ทำอะไรเลย และสิ่งเล็กน้อยนั้นถ้าทำอย่างดีย่อมนำไปสู่โอกาสที่ใหญ่กว่า น่าคิด!
บางครั้งเราอาจคิดว่าตัวเราช่างเล็กน้อยไร้ค่าเสียเหลือเกิน จะทำอะไรเพื่อพระเจ้าได้บ้าง พระองค์จะทรงต้องการเราล่ะหรือ และถ้าหากเราคิดเช่นนั้นก็เป็นการผิดมาก
ครั้งหนึ่งพระเยซูทรงต้องการเลี้ยงอาหารคนเป็นจำนวนมากที่มาฟังคำเทศนาของพระองค์ พวกเขาหิวแล้วและสถานที่นั้นก็อยู่ห่างจากแหล่งอาหารไกลโขทีเดียว สาวกคนหนึ่ง (เปโตร) ทูลพระองค์ว่า "ที่นี่มีเด็กชายคนหนึ่งมีขนมปังบารลีห้าก้อนกับปลาสองตัว" จากสิ่งเล็กน้อยที่เด็กชายคนนั้นมีพระเยซูทรงทำการอัศจรรย์ยิ่งใหญ่ในการเลี้ยงคนห้าพันคนจนอิ่ม ขอให้จำไว้ว่าไม่ว่าท่านจะเป็นใคร พระเจ้าทรงเห็นว่าท่านเป็นคนสำคัญและสามารถทำการใหญ่จากตัวท่านหรือสิ่งที่ท่านมี จริงที่ว่าเราอยู่ในยุคที่ยกย่องความยิ่งใหญ่ แต่สิ่งใหญ่ก็ขึ้นอยู่กับสิ่งเล็กน้อย และแผนการของพระเจ้าก็ขึ้นอยู่กับการกระทำ ความคิด และการปฏิบัติหน้าที่เล็กน้อยในแต่ละวันของเรา อย่าคิดว่าสิ่งที่ท่านทำเป็นเรื่องเล็กน้อยไม่สำคัญ เพราะจากสิ่งเล็กน้อยเหล่านั้นจะกลายเป็นสิ่งใหญ่ได้ อย่าดูถูกสิ่งเล็กน้อยเพราะพระเจ้าทรงสร้างสิ่งเหล่านั้นในชีวิตของท่าน และพระราชกิจของพระองค์จะสำเร็จได้จากสิ่งเล็กน้อยที่ท่านมีและที่ท่านเป็น น่าคิด!
ให้สิ่งเล็กน้อยที่ท่านทำเพื่อมนุษย์และเพื่อพระเจ้าเป็นการถวายพระเกียรติแด่พระเจ้าองค์ผู้สูงสุด เอเมน
สิธยา คูหาเสน่ห์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น