18/1/57

ของขวัญจากใจ

เพิ่งจะผ่านเทศกาลการมอบของขวัญมาหมาดๆ แต่เราเคยคิดบ้างไหมว่าการมอบของขวัญให้ใครสักคนจำเป็นต้องรอให้ถึงเทศกาลใดเทศกาลหนึ่งด้วยหรือ ทำไมเราไม่ทำให้ทุกวันเป็นโอกาสแห่งการให้เพราะของขวัญบางอย่างไม่ต้องซื้อหาด้วยเงิน มันเป็นสิ่งที่เราสามารถหยิบยื่นให้ง่ายๆ สิ่งที่ไม่มีวันเหือดแห้ง สิ่งที่ยิ่งให้ก็ยิ่งมีมาก สิ่งที่ทำให้รู้สึกปลาบปลื้มใจ สิ่งที่สามารถให้ได้ทุกวันไม่ต้องรอโอกาสหรือเทศกาลใดๆ มาดูกันสักหน่อยว่าสิ่งที่ข้าพเจ้ากล่าวถึงนี้มีอะไรบ้าง ตัวอย่างเช่น

1) การฟัง เมื่อมีใครสักคนพูดกับเรา เราต้องตั้งใจฟัง อย่าขัดจังหวะ อย่าคิดเพ้อฝัน อย่าวางแผนการตอบโต้ แค่ฟังเท่านั้น แต่มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำสำหรับบางคน ข้าพเจ้าพบเจอคนที่ไม่มีคุณลักษณะดังกล่าวข้างต้นบ่อยครั้ง เมื่อข้าพเจ้าพูด เขาก็พูดแทรก และมักจะพูดในสิ่งที่ไม่เกี่ยวข้องกัน เป็นเรื่องที่อยู่นอกประเด็นการสนทนา กล่าวขึ้นมาโดยไม่มีการถาม เท่าที่สังเกตเป็นเรื่องส่วนตัวที่ต้องการจะป่าวประกาศให้คนรู้ ขอพี่น้องอย่าทำเช่นนี้เลย มันไม่น่ารักเอาเสียเลย ให้เราฟังอย่างตั้งใจสักหน่อยโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อใครคนนั้นกำลังมีปัญหาต้องการคำปรึกษา ของขวัญชิ้นนี้ไม่ต้องหาซื้อด้วยเงินทอง เพียงแค่ใส่ใจฟังเท่านั้น

2) ความรักใคร่ฉันมิตร ที่แสดงออกด้วยท่าทีที่เหมาะสมในบริบททางสังคมวัฒนธรรม เพราะการแสดงออกซึ่งความรักแบบนี้เป็นการกระชับความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นขึ้น สร้างความอบอุ่นให้แก่กัน เป็นของขวัญที่ยิ่งให้มากเท่าไรก็ยิ่งได้รับกลับมามากเท่านั้น และอาจมากกว่าที่ให้ออกไปด้วยซ้ำไป ข้าพเจ้าเป็นคนมีเพื่อนน้อย แต่ข้าพเจ้ามั่นใจว่ามีความรักฉันมิตรเหลือเฟือที่จะแจกจ่ายออกไปอย่างแน่นอน

3) เสียงหัวเราะ ไม่ว่าจะเป็นการแบ่งปันเรื่องขำขัน เรื่องเปิ่นๆ ที่ทำไป ความโง่เขลาเบาปัญญาในบางเรื่อง ให้เสียงหัวเราะของเราพูดว่า “ให้เรามาหัวเราะด้วยกันอย่างมีความสุขเถอะ” มีคำพูดกล่าวไว้ว่า เสียงหัวเราะคือยาวิเศษ บางคนพูดว่าเสียงหัวเราะเหมือนเสียงสวรรค์ ให้เรามอบเสียงหัวเราะแก่กันเถอะ

4) โน้ตสั้นๆ ที่เขียนด้วยลายมือเพื่อขอบคุณ ถามไถ่ทุกข์สุข บอกคิดถึง บอกรัก เป็นต้น เพราะการเขียนด้วยลายมือทำให้ผู้รับรู้สึกอบอุ่นใจ เป็นความรู้สึกดีๆ ที่จะถูกจดจำไปชั่วชีวิต ให้เราหาโอกาสเล็กๆ น้อยๆ เขียนโน้ตสั้นๆ ให้แก่ใครสักคนในยุคแห่งเทคโนโลยีกันสักหน่อย ข้าพเจ้าไม่มีโอกาสเขียนหนังสือด้วยลายมือมานานเกินสิบปี เพราะทุกวันนี้ข้าพเจ้าใช้คอมพิวเตอร์เสียเป็นส่วนใหญ่ ข้าพเจ้าต้องซ้อมทุกครั้งที่รู้ว่าจะต้องเซ็นชื่อ ให้เราพยายามหาโอกาสเขียนอะไรๆ ด้วยลายมือกันเถอะ

5) คำชม การกล่าวคำชมสั้นๆ ด้วยความจริงใจสามารถนำความสุขมาให้แก่ผู้ฟังได้ (ข้าพเจ้าขอย้ำว่า จริงใจ) เพราะการกล่าวตามมารยาทไร้ความหมายอย่างสิ้นเชิง ผู้ฟังสามารถรับรู้ได้ ถ้าจะกล่าวโดยไม่มีความจริงใจก็เฉยๆ เสียยังจะดีกว่า ข้าพเจ้าก็พบเห็นบ่อยๆ ได้ยินคำชมที่ปราศจากความจริงใจอยู่เสมอ ถ้าข้าพเจ้าเป็นผู้ฟังและรับรู้ได้ว่าเป็นคำชมที่ไม่จริงใจ ข้าพเจ้าก็ยังกล่าวขอบคุณอย่างสุภาพอยู่ดี แต่ถ้าสามารถรับรู้ว่ากล่าวด้วยความจริงใจก็คงไม่ได้กล่าวอะไรมากกว่าไปคำขอบคุณ แต่แน่ใจได้เลยว่าถ้าท่านได้ยินคำชมจากปากของข้าพเจ้า คำชมนั้นเปี่ยมด้วยความจริงใจอย่างแท้จริง

6) ความช่วยเหลือเล็กๆ น้อยๆ เท่าที่โอกาสอำนวย ให้เราหาโอกาสที่จะทำความดีในแต่ละวันด้วยการให้ความช่วยเหลือเล็กๆ น้อยๆ แก่คนรอบข้าง แก่สังคมเท่าที่จะพอทำได้ ข้าพเจ้าคิดว่ามันคงไม่ได้เป็นเรื่องเหนือบ่ากว่าแรงสำหรับเราทุกคน

7) ความสันโดษ เราควรที่จะไวต่อความรู้สึกของคนอื่นสักนิดว่าในบางครั้งเขาอาจต้องการที่จะอยู่ตามลำพังบ้าง ปล่อยให้เขาได้อยู่กับตัวเองเพื่อใช้ความคิดใคร่ครวญบางเรื่องได้อย่างอิสระ อย่าคิดเอาเองว่าเขาต้องการความช่วยเหลือของเรา เพราะความช่วยเหลือที่ให้โดยที่ไม่มีการร้องขอย่อมให้โทษมากกว่าคุณ

8) คำพูดดีๆ ไม่ใช่เรื่องยากเกินทำที่จะพูดกันด้วยคำพูดดีๆ คำพูดไพเราะเสนาะหู ทุกวันนี้เราได้ยินเสียงด่าทอ การพูดเสียดสี การประชดประชัน การให้ร้าย คำโกหก เราคงอยากได้ยินคำพูดดีๆ กันบ้าง อย่าให้ปากที่เรากล่าวสรรเสริญพระเจ้ากล่าวคำด่าออกมาด้วย ข้าพเจ้าคิดว่าไม่ง่ายนักที่จะทำในโลกที่ดูเหมือนจะชั่วร้ายลงเรื่อยๆ แต่เราเป็นชาวสวรรค์ อย่าให้เราปฏิบัติเหมือนอย่างคนในโลกนี้ ให้เรามาหัดพูดภาษาสวรรค์ก่อนเถอะ


ที่กล่าวมาข้างต้นเป็นเพียงบางส่วนที่ท่านสามารถทำได้ เป็นของขวัญจากใจที่สามารถมอบให้แก่ทุกคน ข้าพเจ้าจึงขอถือโอกาสนี้มอบสิ่งต่างๆ เหล่านี้เป็นของขวัญจากใจแด่ทุกคน และเป็นการแบ่งปันสิ่งดีๆ แก่ทุกคนแทนคำขอโทษที่หายหน้าหายตาไปพักใหญ่ ขอขอบคุณที่ยังคิดถึงกันอยู่

คงยังไม่สายเกินไปที่จะพูดว่า “สวัสดีปีใหม่ 2557”


สิธยา คูหาเสน่ห์