6/6/57

จงขอแล้วจะได้

เราเป็นเถา‍องุ่นแท้ และพระ‍บิดาของเราทรงเป็นผู้‍ดู‍แลรักษา แขนงทุกแขนงในเราที่ ไม่ออก‍ผล พระ‍องค์ก็ทรงตัดทิ้งเสีย และแขนงทุกแขนงที่ออก‍ผล พระ‍องค์ก็ทรงลิด เพื่อให้ออก‍ผลมากขึ้น พวก‍ท่านได้รับการชำระให้สะอาดแล้วด้วยถ้อย‍คำที่เรากล่าว กับท่าน จงติด‍สนิทอยู่กับเราและเราติด‍สนิทอยู่กับพวก‍ท่าน แขนงจะออก‍ผลเองไม่‍ได้ นอก‍จากจติด‍สนิทอยู่กับเถา พวก‍ท่านก็เช่น‍เดียว‍กันจะเกิด‍ผลไม่‍ได้นอก‍จากจะ ติด‍สนิทอยู่กับเรา เราเป็นเถา‍องุ่น พวก‍ท่านเป็นแขนง คนที่ติด‍สนิทอยู่กับเราและเรา ติด‍สนิทอยู่กับเขา คน‍นั้นจะเกิด‍ผลมาก เพราะว่าถ้าแยกจากเราแล้วพวก‍ท่านจะทำ สิ่ง‍ใดไม่‍ได้เลย ถ้าใครไม่‍ได้ติด‍สนิทอยู่กับเรา คน‍นั้นก็ต้องถูกตัดทิ้งเสียเหมือนแขนง แล้วก็เหี่ยว‍แห้งไป และถูกเก็บเอาไปเผา‍ไฟ ถ้าพวก‍ท่านติด‍สนิทอยู่กับเราและถ้อย‍คำ ของเราติด‍สนิทอยู่กับท่านแล้ว ท่านจะขอสิ่ง‍ใดที่ท่านปรารถ‌นาก็จะได้สิ่ง‍นั้น พระ‍บิดาของเราทรงได้รับ‍พระ‍เกียรติเพราะ‍เหตุ‍นี้ คือเมื่อพวก‍ท่านเกิด‍ผลมากและ เป็นสาวกของเรา" (ยอห์น 15:1-8)
พระวจนะตอนนี้มีพระสัญญาที่ไม่ธรรมดาของพระเจ้าอยู่ในนั้น "ท่านจะขอสิ่ง‍ใดที่ท่านปรารถ‌นาก็จะได้สิ่ง‍นั้น"
พระเยซูกำลังตรัสว่าเมื่อเราขอสิ่งใด เราก็จะได้สิ่งนั้น เหตุผลที่เราได้ตามที่ขอก็เพราะพระเจ้าทรงได้รับเกียรติโดยให้ตามที่ขอ ดังนั้น จงขอแล้วจะได้ นั่นเป็นพระสัญญาของพระเจ้า
แต่พระสัญญาข้อนี้ของพระเจ้าจะทำให้ผู้ที่ไม่เชื่อเยาะเย้ยถากถาง และจะทำให้ผู้เชื่อเศร้าเสียใจ ผู้ที่ไม่เชื่อเยาะเย้ยถากถางเพราะพวกเขาไม่เชื่อว่าจะเป็นจริง ไม่เชื่อว่าพระเจ้าจะทรงทำตามพระสัญญา นั่นเป็นข้ออ้างของพวกเขา แต่ทำไมผู้เชื่อเศร้าเสียใจล่ะ เพราะพวกเขาขอแล้วไม่ได้ ผู้เชื่อบางคนเมื่อขอแล้วไม่ได้จึงทำให้ความเชื่อสั่นคลอน และหันคล้อยตามกับผู้ที่ไม่เชื่อและสนับสนุนข้อกล่าวอ้างของพวกเขา
แต่ที่ว่า "ท่านจะขอสิ่ง‍ใดที่ท่านปรารถ‌นาก็จะได้สิ่ง‍นั้น" มีบางสิ่งที่เล็ดลอดจากความสังเกตของเราไป บางคนอาจคิดว่าเมื่อขอก็ให้ขอในนามของพระเยซูคริสต์เจ้า แต่พระเยซูมิได้ตรัสเช่นนั้นในพระวจนะนี้ พระองค์ตรัสแต่เพียงว่า "ขอ" และ "พระเจ้าจะประทานสิ่งนั้นให้" และพระองค์จะประทานให้จริงๆ
"ถ้าพวก‍ท่านติด‍สนิทอยู่กับเราและถ้อย‍คำของเราติด‍สนิทอยู่กับท่านแล้ว ท่านจะขอสิ่ง‍ใดที่ท่านปรารถ‌นาก็จะได้สิ่ง‍นั้น”
เราซึ่งเป็น “แขนง” ต้องติดสนิทอยู่กับพระเยซูซึ่งทรงเป็น “กิ่ง” เมื่อเป็นเช่นนั้นเมื่อเราขอสิ่งใดจากพระเจ้าก็จะได้สิ่งนั้นเพราะ
“คนที่ติด‍สนิทอยู่กับเราและเราติด‍สนิทอยู่กับเขา คน‍นั้นจะเกิด‍ผลมาก เพราะว่าถ้าแยกจากเราแล้วพวก‍ท่านจะทำสิ่ง‍ใดไม่‍ได้เลย”
ถ้าเราไม่ติดสนิทกับพระเยซู เราก็จะเหี่ยวเฉาและตายไป และสุดท้ายก็จะถูกทำลาย “ถ้าใครไม่‍ได้ติด‍สนิทอยู่กับเรา คน‍นั้นก็ต้องถูกตัดทิ้งเสียเหมือนแขนง แล้วก็เหี่ยว‍แห้งไป และถูกเก็บเอาไปเผา‍ไฟ”
การเกิดผลเป็นการเชื่อมโยงถึงการได้รับตามที่ขอ พระเจ้าทรงได้รับเกียรติเมื่อเราเกิดผล และเราเกิดผลเมื่อพระเจ้าทรงประทานสิ่งที่เราขอ
แต่บางคนที่ไม่ได้รับตามที่ขออาจกล่าวว่า “ฉันติดสนิทกับพระเจ้า ฉันขอบางสิ่งจากพระเจ้า แต่ฉันไม่เคยได้รับตามที่ขอเลย” นั่นอาจเป็นการกล่าวที่ใช้ไม่ได้ เมื่อคนหนึ่งปลูกต้นส้มวันนี้ คนนั้นคงไม่หวังว่าจะได้กินผลไม้นี้ในวันรุ่งขึ้นเลย มันต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่งจนต้นส้มโตเต็มที่จึงจะผลิดอกออกผลได้ การที่ต้นส้มจะเติบโตได้ก็ต้องได้รับการเลี้ยงดู เช่นเดียวกัน ผู้เชื่อก็ต้องใช้เวลาในการฟูมฟักให้ความเชื่อแข็งแรงและเติบโตเป็นผู้ใหญ่ในความเชื่อจึงจะได้รับสิ่งที่ขอด้วยความเชื่อและเกิดผลต่อไปได้
ดังนั้น ขอให้เรากลับไปทบทวนใหม่เมื่อเราขอแล้วไม่ได้ว่าเรามีความเชื่อมากพอที่เชื่อว่ามันจะเป็นจริงตามพระสัญญาของพระเจ้าหรือไม่
ข้าพเจ้าขอยืนยันว่าพระสัญญาข้อนี้เป็นจริง ข้าพเจ้าเห็นพระสัญญาข้อนี้เป็นจริงในชีวิตของข้าพเจ้าและลูกๆ หลายต่อหลายครั้ง และข้าพเจ้าแน่ใจว่าจะได้เห็นอีกในเวลาข้างหน้า ขอพระเกียรติจงเป็นของพระเจ้า



สิธยา คูหาเสน่ห์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น