“เราเป็นเถาองุ่นแท้
และพระบิดาของเราทรงเป็นผู้ดูแลรักษา
แขนงทุกแขนงในเราที่ ไม่ออกผล
พระองค์ก็ทรงตัดทิ้งเสีย
และแขนงทุกแขนงที่ออกผล
พระองค์ก็ทรงลิด เพื่อให้ออกผลมากขึ้น
พวกท่านได้รับการชำระให้สะอาดแล้วด้วยถ้อยคำที่เรากล่าว กับท่าน
จงติดสนิทอยู่กับเราและเราติดสนิทอยู่กับพวกท่าน
แขนงจะออกผลเองไม่ได้ นอกจากจติดสนิทอยู่กับเถา
พวกท่านก็เช่นเดียวกันจะเกิดผลไม่ได้นอกจากจะ ติดสนิทอยู่กับเรา
เราเป็นเถาองุ่น พวกท่านเป็นแขนง
คนที่ติดสนิทอยู่กับเราและเรา ติดสนิทอยู่กับเขา
คนนั้นจะเกิดผลมาก
เพราะว่าถ้าแยกจากเราแล้วพวกท่านจะทำ สิ่งใดไม่ได้เลย
ถ้าใครไม่ได้ติดสนิทอยู่กับเรา
คนนั้นก็ต้องถูกตัดทิ้งเสียเหมือนแขนง
แล้วก็เหี่ยวแห้งไป
และถูกเก็บเอาไปเผาไฟ
ถ้าพวกท่านติดสนิทอยู่กับเราและถ้อยคำ ของเราติดสนิทอยู่กับท่านแล้ว
ท่านจะขอสิ่งใดที่ท่านปรารถนาก็จะได้สิ่งนั้น
พระบิดาของเราทรงได้รับพระเกียรติเพราะเหตุนี้
คือเมื่อพวกท่านเกิดผลมากและ เป็นสาวกของเรา"
(ยอห์น
15:1-8)
พระวจนะตอนนี้มีพระสัญญาที่ไม่ธรรมดาของพระเจ้าอยู่ในนั้น
"ท่านจะขอสิ่งใดที่ท่านปรารถนาก็จะได้สิ่งนั้น"
พระเยซูกำลังตรัสว่าเมื่อเราขอสิ่งใด
เราก็จะได้สิ่งนั้น
เหตุผลที่เราได้ตามที่ขอก็เพราะพระเจ้าทรงได้รับเกียรติโดยให้ตามที่ขอ
ดังนั้น จงขอแล้วจะได้
นั่นเป็นพระสัญญาของพระเจ้า
แต่พระสัญญาข้อนี้ของพระเจ้าจะทำให้ผู้ที่ไม่เชื่อเยาะเย้ยถากถาง
และจะทำให้ผู้เชื่อเศร้าเสียใจ
ผู้ที่ไม่เชื่อเยาะเย้ยถากถางเพราะพวกเขาไม่เชื่อว่าจะเป็นจริง
ไม่เชื่อว่าพระเจ้าจะทรงทำตามพระสัญญา
นั่นเป็นข้ออ้างของพวกเขา
แต่ทำไมผู้เชื่อเศร้าเสียใจล่ะ
เพราะพวกเขาขอแล้วไม่ได้
ผู้เชื่อบางคนเมื่อขอแล้วไม่ได้จึงทำให้ความเชื่อสั่นคลอน
และหันคล้อยตามกับผู้ที่ไม่เชื่อและสนับสนุนข้อกล่าวอ้างของพวกเขา
แต่ที่ว่า
"ท่านจะขอสิ่งใดที่ท่านปรารถนาก็จะได้สิ่งนั้น"
มีบางสิ่งที่เล็ดลอดจากความสังเกตของเราไป
บางคนอาจคิดว่าเมื่อขอก็ให้ขอในนามของพระเยซูคริสต์เจ้า
แต่พระเยซูมิได้ตรัสเช่นนั้นในพระวจนะนี้
พระองค์ตรัสแต่เพียงว่า
"ขอ"
และ
"พระเจ้าจะประทานสิ่งนั้นให้"
และพระองค์จะประทานให้จริงๆ
"ถ้าพวกท่านติดสนิทอยู่กับเราและถ้อยคำของเราติดสนิทอยู่กับท่านแล้ว
ท่านจะขอสิ่งใดที่ท่านปรารถนาก็จะได้สิ่งนั้น”
เราซึ่งเป็น
“แขนง” ต้องติดสนิทอยู่กับพระเยซูซึ่งทรงเป็น
“กิ่ง”
เมื่อเป็นเช่นนั้นเมื่อเราขอสิ่งใดจากพระเจ้าก็จะได้สิ่งนั้นเพราะ
“คนที่ติดสนิทอยู่กับเราและเราติดสนิทอยู่กับเขา
คนนั้นจะเกิดผลมาก
เพราะว่าถ้าแยกจากเราแล้วพวกท่านจะทำสิ่งใดไม่ได้เลย”
ถ้าเราไม่ติดสนิทกับพระเยซู
เราก็จะเหี่ยวเฉาและตายไป
และสุดท้ายก็จะถูกทำลาย
“ถ้าใครไม่ได้ติดสนิทอยู่กับเรา
คนนั้นก็ต้องถูกตัดทิ้งเสียเหมือนแขนง
แล้วก็เหี่ยวแห้งไป
และถูกเก็บเอาไปเผาไฟ”
การเกิดผลเป็นการเชื่อมโยงถึงการได้รับตามที่ขอ
พระเจ้าทรงได้รับเกียรติเมื่อเราเกิดผล
และเราเกิดผลเมื่อพระเจ้าทรงประทานสิ่งที่เราขอ
แต่บางคนที่ไม่ได้รับตามที่ขออาจกล่าวว่า
“ฉันติดสนิทกับพระเจ้า
ฉันขอบางสิ่งจากพระเจ้า
แต่ฉันไม่เคยได้รับตามที่ขอเลย”
นั่นอาจเป็นการกล่าวที่ใช้ไม่ได้
เมื่อคนหนึ่งปลูกต้นส้มวันนี้
คนนั้นคงไม่หวังว่าจะได้กินผลไม้นี้ในวันรุ่งขึ้นเลย
มันต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่งจนต้นส้มโตเต็มที่จึงจะผลิดอกออกผลได้
การที่ต้นส้มจะเติบโตได้ก็ต้องได้รับการเลี้ยงดู
เช่นเดียวกัน
ผู้เชื่อก็ต้องใช้เวลาในการฟูมฟักให้ความเชื่อแข็งแรงและเติบโตเป็นผู้ใหญ่ในความเชื่อจึงจะได้รับสิ่งที่ขอด้วยความเชื่อและเกิดผลต่อไปได้
ดังนั้น ขอให้เรากลับไปทบทวนใหม่เมื่อเราขอแล้วไม่ได้ว่าเรามีความเชื่อมากพอที่เชื่อว่ามันจะเป็นจริงตามพระสัญญาของพระเจ้าหรือไม่
ดังนั้น ขอให้เรากลับไปทบทวนใหม่เมื่อเราขอแล้วไม่ได้ว่าเรามีความเชื่อมากพอที่เชื่อว่ามันจะเป็นจริงตามพระสัญญาของพระเจ้าหรือไม่
ข้าพเจ้าขอยืนยันว่าพระสัญญาข้อนี้เป็นจริง
ข้าพเจ้าเห็นพระสัญญาข้อนี้เป็นจริงในชีวิตของข้าพเจ้าและลูกๆ
หลายต่อหลายครั้ง
และข้าพเจ้าแน่ใจว่าจะได้เห็นอีกในเวลาข้างหน้า
ขอพระเกียรติจงเป็นของพระเจ้า
สิธยา
คูหาเสน่ห์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น