7/5/57

“รอ”

การรอเป็นเรื่องยาก ไม่มีใครอยากตกอยู่ในภาวะดังกล่าวไม่ว่าจะเป็นการรออะไรก็ตาม มันเป็นความล่าช้าที่เราอยากหลีกเลี่ยง เป็นความกังวลใจที่ร้อนรุ่มอยู่ในใจ เป็นภาระหนักที่ต้องแบกไว้ เป็นความทุกข์ใจที่อาจนำไปสู่ภาวะซึมเศร้า เป็นต้น ข้าพเจ้าแน่ใจว่าทุกคนคงเคยลิ้มรสแห่งการรอมาแล้วทั้งสิ้น แต่ทว่าการ “รอ” ก็เป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางแห่งความเชื่อของเรา
แต่ที่ข้าพเจ้าจะพูดในที่นี้ขอจำกัดวงให้แคบลงมาที่ รอ คำตอบจากพระเจ้า เมื่อเราอธิษฐานทูลขอบางสิ่งบางอย่างจากพระองค์ พระคัมภีร์บอกเราว่า “จงขอแล้วจะได้” (มัทธิว 7:7พระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับมาตรฐาน) ข้าพเจ้าสามารถยืนยันจากประสบการณ์ส่วนตัวว่าเป็นเช่นนั้นจริงๆ ดังนั้นอยากหนุนใจพี่น้องว่าเมื่อจะอธิษฐานทูลขอสิ่งใดก็ตาม ให้แน่ใจว่าเป็นที่สิ่งที่ท่านปรารถนาจะได้หรืออยากให้เกิดขึ้นจริงๆ เพราะท่านจะได้สิ่งนั้นอย่างแน่นอนในเวลาของพระองค์
เมื่ออธิษฐานทูลขอ เราจะได้คำตอบสามแบบจากพระเจ้า คือ “ได้” “ไม่ได้” และ “รอ” สำหรับคำตอบแรกไม่ต้องมีคำอธิบาย คำตอบที่สองก็ไม่ได้หมายความตามตัวอักษรที่อ่านว่า “ไม่ได้” เพราะพระองค์อาจหมายความถึงคำตอบที่สามก็ได้ หรืออาจจะเป็นเพราะพระองค์จะประทานสิ่งที่ดีกว่าที่ขอไปให้แก่เราก็เป็นได้ ฉะนั้น คำตอบที่สองและที่สามก็หลีกไม่พ้นการ “รอ” เพราะคำตอบจะมาในเวลาของพระองค์เท่านั้น มิใช่เวลาของเรา เวลาของพระเจ้ากับของมนุษย์มีกรอบที่ต่างกัน เราจะเห็นว่าพระเจ้าทรงตอบคำอธิษฐานเสมอ พระองค์ทรงสัตย์ซื่อในพระสัญญาของพระองค์เสมอ เราอาจมองว่าพระองค์ทรงปฏิเสธไม่สนองตอบคำอธิษฐานสำหรับคำตอบ “ไม่ได้” และ “รอ” แต่แม้ว่าจะเป็น “ไม่ได้” หรือ “รอ” ก็ยังเป็นคำตอบอยู่ดี แม้ว่าความเงียบของพระองค์อาจทำให้เรากระวนกระวายใจ ทนทุกข์ทรมาน เราอาจหมดกำลังใจสงสัยว่าพระองค์จะตอบคำอธิษฐานหรือไม่ หรือเราอาจโกรธพระองค์เมื่อเห็นว่าผู้อื่นได้รับการอวยพรอย่างมากมายในสิ่งเดียวกับที่เราขอแล้วยังไม่ได้ เมื่อเป็นเช่นนี้ เราจะยืนหยัดอยู่ในความเชื่อได้อย่างไรในช่วงที่รอคำตอบจากพระองค์
พระเจ้าทรงสัพพัญญู พระองค์ทรงล่วงรู้ทุกสิ่ง เราเคยคิดบ้างไหมว่าทำไมพระองค์จึงไม่ประทานสิ่งที่เราขอ ทำไมเราต้องรอ ทำไมเราได้ในสิ่งที่ไม่ได้ขอ ขอให้จำไว้ว่าสิ่งที่เราเห็นว่าดีนั้นไม่ใช่สิ่งที่พระองค์ทรงมีพระประสงค์จะประทานให้แก่เรา ขณะที่รอคำตอบจากพระองค์ ขอให้เราเชื่อวางใจว่าพระองค์ทรงมีจุดมุ่งหมายในการที่พระองค์ทรงล่าช้าในการตอบคำอธิษฐาน ขณะที่เรารอ พระเจ้าทรงกระทำการอยู่เบื้องหลังแทนเรา ให้เราอย่าย่อท้อในการรอเพราะเราจะได้รับสิ่งที่ดีที่สุดที่พระองค์ทรงจัดเตรียมไว้ให้ และในที่สุดเราก็จะรู้ว่าการรอที่ยาวนานและแสนทุกข์ทรมานนั้นคุ้มค่าจริงๆ
มันเป็นเรื่องปกติที่เมื่อเรารอบางสิ่งบางอย่างให้เกิดขึ้นจะหนีการบ่นไปไม่พ้น มันเป็นเรื่องยากที่เราจะพอใจกับชีวิตในช่วงแห่งการรอนั้น แต่จริงๆ แล้วพระองค์ทรงปรารถนาให้เรามีความพอใจกับสิ่งที่เป็นอยู่ ข้าพเจ้ารู้ว่าเป็นเรื่องง่ายที่จะพูดว่า “อย่าท้อใจเลย วางใจพระเจ้าสิ” แต่มันเป็นเรื่องยากมากที่จะใช้ชีวิตอย่างเป็นปกติสุขหากเรากำลังรออะไรบางอย่างอยู่
อย่างที่ข้าพเจ้ากล่าวมาข้างต้นว่ามันเป็นเรื่องปกติที่เราบ่นเมื่อต้องรออะไรบางอย่าง แต่ให้เรารักษาความเชื่อไว้ อย่าขาดการนมัสการพระเจ้าเพราะการนมัสการเป็นการบ่งบอกถึงการยอมจำนนและการถ่อมใจ เพราะเมื่อเรานมัสการพระเจ้า ตัวเราจะพูดว่า “พระองค์ทรงควบคุมอยู่เหนือทุกสิ่งเพราะพระองค์ทรงเป็นพระเจ้า” การนมัสการนี่แหละที่จะเป็นแหล่งกำลังของเราในการที่จะอดทนรอต่อไป
เราต้องทูลขอต่อไปจนกว่าคำตอบจะมาถึง ยากอบ 4:2 บอกว่า “ท่านไม่‍มีเพราะไม่‍ได้ขอ” เราต้องไม่กลัวที่จะทูลขอต่อไป ทูลพระองค์ในสิ่งที่เราต้องการขณะที่กำลังรอ ยากอบยังบอกต่อไปว่าที่ไม่ได้เพราะเราขอผิด บางทีเราอาจขอในสิ่งที่ไม่เป็นที่พอพระทัย ขอในสิ่งที่ผิด เราจึงต้องรอ ลองสำรวจดูว่าเราขอผิดหรือไม่ ขอให้มั่นใจว่าพระองค์ทรงสดับฟังการทูลขอของเราอย่างแน่นอน
การท้าทายที่เราต้องเจอคือการเชื่อวางใจ สุภาษิต 3:5, 6 บอกว่า “จงวาง‍ใจในพระ‍ยาห์‌เวห์ด้วยสุด‍ใจของเจ้า และอย่าพึ่ง‍พาความรอบ‍รู้ของตน‍เอง จงยอม‍รับรู้พระ‍องค์ในทุกทางของเจ้า แล้วพระ‍องค์เองจะทรงทำให้วิถีของเจ้าราบ‍รื่น” “รอ” ด้วยความเชื่อวางใจ เป็นกุญแจสำคัญ


สิธยา คูหาเสน่ห์