“รัก” เป็นคำสั้นๆพยางค์เดียว พจนานุกรมฉบับเฉลิมพระเกียรติ พ.ศ. 2530 ให้คำจำกัดความซึ่งสรุปใจความได้ว่าเป็น ความชอบอย่างผูกพัน ความพึงใจและความชื่นชมยินดี แต่ในพจนานุกรมของชาวคริสต์ รักของเรากินความหมายกว้าง ยาว และลึกกว่านั้น ลองมาทบทวนดูขอบเขตของ “รัก” ในพระคัมภีร์เป็นการเตือนความจำของเรากันสักหน่อยนะ
ความรักนั้นก็อดทนนานและมีใจปรานี ความรักไม่อิจฉา ไม่อวดตัว ไม่หยิ่งผยอง ไม่หยาบคาย ไม่เห็นแก่ตัว ไม่ฉุนเฉียว ไม่ช่างจดจำความผิด ไม่ชื่นชนยินดีในความอธรรม แต่ชื่นชมยินดีในความจริง ความรักทนได้ทุกอย่าง เชื่ออยู่เสมอ มีความหวังและความทรหดอดทนอยู่เสมอ (1 คธ. 13:4-7)
ท่านคงเห็นแล้วนะว่าความรักแบบคริสเตียนต่างจากความรักของโลกอย่างไรบ้าง ท่านได้ให้ความรักแบบนี้แก่ผู้อื่นหรือเปล่า ขอบคุณพระเจ้าสำหรับท่านที่ตอบว่าได้ทำแล้ว แต่สำหรับท่านที่ยังไม่กล้าตอบรับอย่างเต็มปากเต็มคำ ก็ขอบคุณพระเจ้าเช่นกันเพราะเขาเหล่านั้นได้ทำสำเร็จไปบางส่วนแล้ว ขอพระเจ้าทรงเสริมกำลังให้ท่านบากบั่นมุ่งหน้าไปสู่หลักชัย อย่างท้อแท้หมดแรงเสียก่อน ส่วนคนที่ยังหาคำตอบไม่ได้ ก็ยังสามารถขอบคุณพระเจ้าอีกนั่นแหละ เพราะพวกเขาจะค่อยๆเห็นความสว่างจากพวกท่านที่ทำได้แล้วและที่ทำได้บ้าง ให้ความรักของพวกท่านที่แสดงออกมาให้ปรากฏแก่สายตาคนทั่วไปพูดกับพี่น้องที่ยังเดินอยู่ข้างหลังท่าน ให้เขาได้เห็นความรักที่บริสุทธิ์นั้นด้วยตัวเองจากคำพูด การกระทำ และให้พวกเขาสามารถสัมผัสแม้กระทั่งความคิดของท่าน ให้เรามาบอกรักกันเถิด เพราะในยุคสุดท้ายนี้ ความรักของคนจำนวนมากจะเยือกเย็นลงเพราะความอธรรมแผ่กว้างออกไป (มธ. 24:12)
…แต่ความรัก นั้นใหญ่ที่สุด…(1 คธ. 13:13)
ข้าพเจ้ามีเรื่องสนุกๆจะเล่าให้ฟัง และท่านจะเห็นว่าความรักนั้นใหญ่ที่สุดจริงๆ
เมื่อหญิงสาวคนหนึ่งเดินออกมาหน้าบ้านก็พบว่ามีชายแก่ 3 คนนั่งอยู่ที่สนามหน้าบ้าน เธอไม่รู้จักชายแก่ทั้งสาม จึงกล่าวว่า “หนูคิดว่าไม่รู้จักคุณตาทั้งสามนะคะ แต่คิดว่าคุณตาคงจะหิวแล้ว ขอเชิญเข้าไปรับประทานอาหารในบ้านเถอะค่ะ”
ชายแก่ทั้งสามจึงถามว่า “เจ้าของบ้านอยู่หรือเปล่าจ๊ะ”
“ไม่อยู่ค่ะ สามีของหนูออกไปข้างนอก” หญิงสาวตอบ
ชายแก่ทั้งสามจึงตอบว่า “ถ้าเช่นนั้น พวกเราก็เข้าไปในบ้านของหนูไม่ได้หรอกจ้ะ”
เมื่อสามีของหญิงสาวคนนั้นกลับมาในตอนเย็น เธอก็เล่าเรื่องนี้ให้เข้าฟัง
สามีของเธอบอกว่า “ไปเชิญพวกเขาเข้ามาสิจ๊ะ”
ดังนั้น หญิงสาวคนนั้นจึงไปเชิญชายแก่ทั้งสามให้เข้าไปในบ้าน
“พวกเราไม่เข้าไปในบ้านพร้อมกันทีเดียวทั้งสามคน”
“ทำไมเป็นเช่นนั้นล่ะคะ คุณตา” หญิงสาวถามด้วยความแปลกใจ
เขาชื่อ ความมั่งมี พลางชี้ไปที่ชายแก่คนนี้ และคนนั้นชื่อ ความสำเร็จ ส่วนตาชื่อ ความรัก หนูไปปรึกษากับสามีให้ดีว่าจะให้ใครเข้าไปในบ้านเป็นคนแรก
เมื่อหญิงสาวนำเรื่องทั้งหมดไปเล่าให้สามีฟัง เขาก็ตื่นเต้นดีใจยิ่งนัก และบอกว่า “เอ้า ถ้าเช่นนั้น ไปเชิญ ความมั่งมี เข้ามาสิ ท่านจะได้ทำให้บ้านของเรามีแต่ความมั่งมีศรีสุขไงจ๊ะ”
แต่ภรรยาสาวไม่เห็นด้วย “ทำไมเราไม่เชิญ ความสำเร็จ เข้ามาก่อนล่ะ” แต่ลูกสาวของสามีภรรยาคู่นี้ที่แอบฟังอยู่ในห้องก็ออกมาและให้ความเห็นว่า “เราน่าจะเชิญ ความรัก เข้ามาก่อน บ้านของเราจะได้อบอุ่นและเต็มไปด้วยความรัก”
สามีจึงกล่าวว่า “เราน่าจะใส่ใจข้อเสนอของลูกสาวของเรานะ ตกลง เธอออกไปเชิญคุณตาที่ชื่อ ความรักเข้ามาเถิด”
หญิงสาวจึงออกไปพูดกับชายแก่ทั้งสามว่า “คุณตาท่านไหนคะที่ชื่อ ความรัก เราขอเชิญท่านเข้าไปในบ้านค่ะ”
ชายแก่ที่ชื่อความรักก็ลุกขึ้น และชายแก่อีกสองคนก็ลุกขึ้นตามมาด้วย และทั้งสามก็พากันเดินเข้าไปในบ้านของหญิงสาวคนนั้น
แต่หญิงสาวคนนั้นหันมาแย้งว่า “หนูเชิญคุณตาที่ชื่อ ความรัก คนเดียวเท่านั้นนะคะ ทำไมคุณตาทั้งสองจึงเดินตามมาด้วยล่ะคะ”
ชายแก่จึงแจ้งแก่หญิงสาวคนนั้นว่า “ถ้าหนูเชิญ ความมั่งมี หรือ ความสำเร็จ เราอีกสองคนก็จะไม่ตามไป แต่เนื่องจากหนูเชิญตาซึ่งเป็นความรักก่อน พวกเขาทั้งสองจึงตามมาด้วย เพราะที่ไหนมีความรัก ที่นั่นก็มีความมั่งมีและความสำเร็จด้วย”
ท่านเห็นหรือยังล่ะว่า ความรักนั้นใหญ่ที่สุด ข้าพเจ้าคงไม่ต้องสาธยายต่อไปนะว่า เมื่อท่านหว่านความรัก ท่านจะได้รับอะไรบ้าง ข้าพเจ้าแน่ใจว่าหลายคนมีประสบการณ์แบบนี้มาแล้ว แต่ไม่ทราบว่าท่านเคยสังเกตหรือไม่ว่า ความรักนั้นยิ่งให้ ก็ยิ่งเพิ่มพูน และทำให้ผู้ให้อิ่มใจ
จงอย่าเป็นคนตระหนี่เรื่องความรัก ข้าพเจ้าคาดว่าในทุกๆวันในปีนี้ของท่านจะเป็นเวลาแห่งการมอบความรักให้แก่ผู้อื่น ขอพระเจ้าทรงเสริมกำลังท่านให้สามารถกระทำทุกสิ่งด้วยความรัก (แบบคริสเตียน) ถ้าทุกคนมีความรักให้กันแล้ว เราจะต้องกลัวอะไรอีก
สิธยา คูหาเสน่ห์
(ข้อพระคัมภีร์คัดมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ ฉบับมาตรฐาน 2002)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น