6/10/51

ความรักที่ไม่มีเงื่อนไข

อยากจะขอรวมความรักของแม่เข้าไว้เป็นความรักที่ไม่เงื่อนไขด้วย ไม่ทราบว่าจะเป็นการกล่าวเกินความจริงไปหรือไม่ แต่ส่วนตัวข้าพเจ้าแล้วคิดว่าน่าจะเป็นไปได้ค่อนข้างสูง แต่ข้าพเจ้าไม่แน่ใจว่าผู้ที่เป็นลูกจะรู้สึกเช่นนั้นด้วยหรือไม่ เพราะตัวอย่างของแม่ที่เลวก็มีให้เห็นอยู่บ่อยๆ อย่างเช่น แม่ที่เอาลูกที่เกิดจากการตั้งครรภ์ที่ไม่พึงประสงค์ไปทิ้งไว้ตามกองขยะหวังว่าจะมีผู้ใจบุญเก็บไปเลี้ยง แต่บางครั้งไม่ได้เป็นดั่งใจนึก เด็กตายอย่างทุกข์ทรมาน ชีวิตน้อยๆที่เกิดมาดูโลกไม่นานต้องจบลงอย่างอนาถ ข้าพเจ้าก็คิดไม่ออกเหมือนกันว่าเขาทำกันได้อย่างไร แต่ข้าพเจ้าก็คิดและมองในด้านบวกว่าแม่ที่ทำอย่างนั้นคงมีเหตุผลพอ และข้าพเจ้าก็ยังหวังว่าในใจลึกๆของแม่ที่ดูใจดำและโหดเหี้ยมเหล่านี้มีความรักที่ละเอียดอ่อนแฝงอยู่ด้วย ข้าพเจ้าไม่สามารถจะให้คำนิยามหรือบอกลักษณะของความรักของแม่ออกมาเป็นตัวอักษรได้ ความรักแบบนี้ลึกเกินกว่าที่จะจาระไนได้ครบถ้วน แต่สิ่งที่เราเห็นกันอยู่ในสังคมรอบตัวที่บางคนอ้างว่าเพราะ “รักลูก” นั้น แท้ที่จริง ไม่ใช่ และในระยะยาวกลับเป็นการทำลายลูกทางอ้อม สำหรับประสบการณ์ส่วนตัวคิดว่าการได้เป็นแม่เป็นภาระหน้าที่ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของลูกผู้หญิง

แต่การเลี้ยงดูลูกให้สามารถสัมผัสได้ว่าความรักของแม่ไม่มีเงื่อนไขจริงๆก็เป็นเรื่องสำคัญ เพราะคงจะมีลูกบางคนไม่เข้าใจว่าแม่จะรักตนเหมือนเดิมหรือไม่หากมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงที่เป็นรูปธรรมหรือนามธรรมก็แล้วแต่ เป็นหน้าที่ของท่านที่จะต้องให้ความมั่นใจแก่ลูกว่ารักลูกโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน เป็นความรักที่มีแต่การให้ และแม่ก็พร้อมอยู่เสมอที่จะรับฟังความทุกข์หรือปัญหาทุกเรื่องของลูก และพร้อมที่จะช่วยปัดเป่าหรือบรรเทาความหนักใจของลูกเสมอ สื่อสารกันให้เข้าใจไม่ว่าท่านจะใช้ภาษากายหรือภาษาพูดก็แล้วแต่ บอกลูกให้รู้ว่าท่านรักลูก ความรักยิ่งให้ก็ยิ่งมีมาก ทำให้ความรักของท่านเป็นตัวแทนของความรักที่ไม่มีเงื่อนไขของพระเจ้า ให้ลูกเห็นพระเจ้าในตัวของท่าน

ข้าพเจ้าอยากให้ลูกเข้าใจความรักของแม่ให้ถ่องแท้ อย่าประเมินความรักของแม่ต่ำเกินไป อย่ากลัวที่จะกลับมาหาแม่ไม่ว่าในสภาพใดก็ตาม

มีเรื่องเล่าว่าทหารนายหนึ่งหลังจากที่กลับจากสงครามเวียดนามก็โทรศัพท์กลับบ้าน เขาถามพ่อแม่ว่าจะพาเพื่อนทหารมาด้วยคนหนึ่งเพราะเขาไม่รู้จะไปอยู่กับใคร แต่เพื่อนคนนี้เป็นคนพิการเพราะถูกกับระเบิดทำให้แขนขาดไปข้างหนึ่งและขาก็ขาดด้วนไปข้างหนึ่งด้วย เมื่อได้ยินดังนั้นพ่อแม่จึงเตือนลูกว่าให้คิดดูให้รอบคอบเสียก่อนที่จะตกปากรับคำ เพราะความพิการขนาดนั้นต้องการคนดูแลเป็นพิเศษ ให้ลองหาทางช่วยเหลืออย่างอื่นก็แล้วกันหรือไม่ก็หาที่พักพิงที่อื่นให้ แต่ลูกชายก็ยังยืนกรานว่าอยากให้พักอยู่ด้วยกัน แต่เมื่อพ่อแม่ไม่เห็นชอบด้วยก็ไม่ได้เซ้าซี้ต่อ หลังจากนั้นเพียง 2-3 วัน พ่อแม่ของเด็กหนุ่มคนนี้ก็ได้รับโทรศัพท์จากตำรวจแจ้งว่าลูกชายของเขาเสียชีวิตเพราะตกตึก แต่ตำรวจแน่ใจว่าเป็นการฆ่าตัวตาย พ่อแม่คู่นี้ที่หัวใจแตกสลายเพราะความเสียใจก็แทบจะล้มทั้งยืนเมื่อเห็นศพลูกชายของตนเพราะเขามีแขนและขาอย่างละข้างเดียว!

หากลูกชายคนนี้หยั่งถึงความลึกของความรักของแม่ (หรือของพ่อด้วย) เหตุการณ์น่าเศร้าเช่นนี้คงไม่เกิดขึ้น แต่ในความเป็นจริง ท่านคิดว่าหากเขากลับมาบ้านพร้อมกับร่างกายที่ไม่สมประกอบเช่นนี้ เขายังได้รับความรักจากผู้เป็นพ่อแม่เท่าเดิมหรือไม่ ลองให้คำถามนั้นเป็นของท่าน ถามตัวเองว่าหากท่านตกอยู่ในสถานการณ์นั้น ท่านจะตอบลูกของท่านว่าอย่างไร ท่านพร้อมที่จะให้ความรักแก่เพื่อนผู้พิการของลูกสักนิดไหม ท่านมีความรักมากพอจะแบ่งปันให้คนอื่นบ้างไหม ท่านจะสามารถรักคนที่ร่างกายไม่สมประกอบ คนที่ไม่น่ารัก คนเลว และที่สำคัญคนที่ท่านถือว่าเป็นศัตรูได้ไหม

คุณแม่ที่รักทั้งหลาย จงหมั่นรดน้ำพรวนดินใส่ปุ๋ย “ต้นรัก” ของท่านให้ออกดอกสะพรั่งเพื่อจะได้ติดลูกออกผลมากมาย ท่านจะได้นำมาเลี้ยงดูครัวเรือนของท่านให้อิ่มหนำสำราญ และยังมีมากพอที่จะเผื่อแผ่ไปให้คนอื่นๆได้ลิ้มรสและอิ่มไปด้วย


สิธยา คูหาเสน่ห์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น