เทศกาลอีสเตอร์มีความสำคัญต่อท่านมากแค่ไหน เราเฉลิมฉลองอะไรกันแน่ เราตระหนักถึงเหตุที่มาของเทศกาลนี้หรือเปล่า หรือว่าเราทำไปตามประเพณีนิยม ข้าพเจ้าอธิษฐานขออย่าให้เราเป็นเช่นนั้นเลย อย่างน้อยให้เรามีจิตสำนึกที่ดีว่า วันนั้น เป็นวันที่พระเยซูคริสต์ทรงเป็นขึ้นมาจากความตาย และทรงพระชนม์อยู่จนทุกวันนี้
แม้ว่าเราจะเฉลิมฉลองทุกปีในคริสตจักรซึ่งก็อาจมีบรรยากาศเดิมๆ แต่ขอให้ พระวิหารของพระเจ้าซึ่งก็คือร่างกายของเรา นั้นมีความเปลี่ยนแปลงบ้างในทางที่ดี ซึ่งก็คือทางฝ่ายจิตวิญญาณของเรานั่นเอง ข้าพเจ้าหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ชีวิตฝ่ายจิตวิญญาณของเราจะเติบโตขึ้นทุกๆปีเหมือนฝ่ายร่างกายที่เจริญวัยขึ้นทุกปี
ข้าพเจ้ามีเรื่องมาเล่าให้ฟังอีกเช่นเคย ขอให้ท่านอ่านด้วยใจใคร่ครวญถึงความรัก ความเมตตา และ ความเสียสละ ของพระคริสต์เพื่อไถ่เราให้พ้นจากเงื้อมมือของซาตานมาอย่างไร
มีศิษยาภิบาลในเมืองเล็กๆแห่งหนึ่งหิ้วกรงนกเก่าๆซึ่งรูปทรงบิดเบี้ยวและมีสนิมเกาะเต็มไปหมดมาที่โบสถ์ในเช้าวันอีสเตอร์ซึ่งจะมีการเฉลิมฉลองการเป็นขึ้นมาจากความตายของพระคริสต์กัน เมื่อถึงเวลาเทศนาศิษยาภิบาลคนนั้นเอากรงนกเก่าๆนั้นวางไว้บนธรรมาสน์ด้วย มีหลายคนในที่ประชุมเกิดความฉงนสนเท่ห์เป็นยิ่งนักที่เห็นศิษยาภิบาลของเขาทำอย่างนั้น ดังนั้น ศิษยาภิบาลคนนั้นจึงกล่าวขึ้นว่า “เมื่อวานผมเข้าไปในเมืองและเห็นเด็กชายเล็กๆคนหนึ่งเดินมาหาผมและแกว่งกรงนกที่ท่านทั้งหลายเห็นอยู่นี้แหละเล่นในมือของเขา” ในกรงมีนกป่าตัวเล็กๆอยู่สามตัว แต่ละตัวสั่นเทาด้วยความหนาวระคนความกลัว ผมบอกให้เด็กคนนั้นหยุดและถามว่า “หนูหิ้วอะไรมาล่ะ” เด็กน้อยตอบว่า “นกแก่ๆสามตัวครับ” ผมก็ถามต่อไปว่า “หนูจะทำอะไรกับนกเหล่านี้ล่ะ” เด็กตอบว่า “จะเอากลับบ้านและจะเล่นกับมันให้สนุกไปเลย ผมจะแกล้งมันและจะดึงขนของมันเพื่อทำให้มันเจ็บและสู้ ผมคงสนุกไม่น้อย” ผมคุยต่อว่า “แล้วเมื่อเล่นเบื่อแล้ว จะทำยังไงกับมัน” “ไม่ยาก ผมมีแมวอยู่หลายตัว พวกมันชอบกินนกมาก ผมจะเอานกให้มัน” เมื่อผมได้ยินดังนั้นก็นิ่งไปพักใหญ่แล้วจึงถามเด็กคนนั้นว่า “หนูจะขายนกพวกนั้นในราคาเท่าไร” เด็กคนนั้นก็แปลกใจที่ผมขอซื้อจึงถามว่า “ทำไมจึงอยากได้นกแก่ๆพวกนี้ เป็นนกธรรมดาที่บินเล่นในทุ่งนาเท่านั้น มันร้องเพลงไม่ได้หรอก และก็ไม่ได้สวยงามเลย” ผมรบเร้าว่า “จะขายเท่าไร” เด็กคนนั้นคงคิดว่าผมเป็นบ้าไปแล้วที่ขอซื้อนกพวกนั้น “10 เหรียญ” ผมจึงล้วงเอาเงินสิบเหรียญให้ เมื่อได้เงินเด็กคนนั้นหายตัวไปทันที ผมจึงหยิบกรงนกนั้นขึ้นมาและก็ค่อยๆถือไปจนสุดซอยที่มีต้นไม้ใหญ่ร่มรื่นและมีทุ่งหญ้าเขียวขจี แล้วผมก็วางกรงลงและเปิดออกและเคาะซี่กรงเบาๆเพื่อให้นกบินออกไป และนี่ก็เป็นที่มาที่ไปของกรงนกเก่าๆกรงนี้
ศิษยาภิบาลก็เริ่มเทศนาว่า วันหนึ่งซาตานและพระเยซูกำลังสนทนากัน ซาตานเพิ่งมาจากสวนเอเดนและพูดอย่างโอ้อวดและกระหยิ่มยิ้มย่องว่า “กระผมเพิ่งเห็นว่ามีคนเต็มโลกไปหมด ให้กับดักและเบ็ดล่อที่พวกเขาจะไม่อาจปฏิเสธได้แก่กระผมสิ ผมจะจับมาให้หมดเลย” “เจ้าจะทำอะไรกับพวกเขาหรือ” พระเยซูตรัสถาม ซาตานก็ทูลตอบว่า “ก็ได้ความสนุกสนานไงล่ะ พระเจ้าข้า กระผมจะสอนพวกเขาให้ตกหลุมรักและแต่งงานกันแล้วก็หย่ากัน จะสอนให้พวกเขาเกลียดกันและทำร้ายซึ่งกันและกัน จะสอนให้ดื่มและสูบบุหรี่และทะเลาะเบาะแว้งกัน และนอกจากนั้นจะสอนให้พวกเขาผลิตปืนและลูกระเบิดเพื่อฆ่าฟันกัน กระผมจะมีความเพลิดเพลินอย่างมากเลย พระเจ้าข้า” “แล้วหลังจากนั้น เจ้าจะทำอย่างไรกับพวกเขาต่อไปอีก” พระเยซูตรัสถามซาตาน “กระผมจะสังหารให้หมด” ซาตานตอบด้วยความหยิ่งยโส “เจ้าต้องการพวกเขามากแค่ไหน” พระเยซูตรัสถามต่อไป “โอ พระองค์ไม่ทรงต้องการคนพวกนี้หรอก พระเจ้าข้า พวกเขาเป็นคนไม่ดีทั้งนั้น พระองค์จะทรงต้องการพวกนี้ไปทำไม พวกเขาเกลียดพระองค์ พวกเขาถ่มน้ำลายใส่พระองค์ ด่าว่าพระองค์ และพวกเขาจะฆ่าพระองค์! พระองค์ไม่ทรงต้องการคนพวกนี้หรอก!!!” “เท่าไร” พระองค์ตรัสถาม ซาตานมองดูพระเยซูอย่างเหยียดหยาม “ด้วยพระโลหิตและพระกายของพระองค์” พระเยซูตรัสว่า “ตกลง” แล้วพระองค์ทรงจ่ายค่าไถ่ราคาแพงนั้น
ศิษยาภิบาลหยิบกรงนกนั้นขึ้นมา เปิดประตูกรงนกออกแล้วก็เดินลงจากธรรมาสน์
น่าขำมั้ยล่ะว่า คนช่างกำจัดพระเจ้าออกไปจากชีวิตได้อย่างง่ายดายแล้วก็มานั่งวิตกว่าจะตกนรกหรือไม่
น่าขำมั้ยล่ะว่า เราเชื่อสิ่งที่หนังสือพิมพ์นำเสนอทุกเรื่อง แต่สงสัยสิ่งที่พระคัมภีร์สอน
น่าขำมั้ยล่ะว่า ที่คนต่างก็อยากขึ้นสวรรค์แต่ไม่ยอมเชื่อ คิด พูด หรือ ทำตามที่พระคัมภีร์บอกไว้
หรือเป็นเรื่องน่ากลัวกันแน่!!!
น่าขำมั้ยล่ะว่า ที่มีบางคนพูดว่า “ฉันเชื่อพระเจ้า” แต่ยังติดสอยห้อยตามซาตานอย่างใกล้ชิด (ซึ่งเชื่อพระเจ้าด้วยเหมือนกัน)
น่าขำมั้ยล่ะว่า ที่เราอาจส่งเรื่องตลกเป็นพันๆเรื่องทางจดหมายอิเล็กทรอนิกส์และเรื่องราวต่างๆก็ถูกส่งต่อๆกันไปอย่างรวดเร็วเหมือนไฟลามทุ่ง แต่เมื่อจะส่งข้อความที่เกี่ยวกับพระเจ้า คนที่ได้รับจะคิดแล้วคิดอีกก่อนที่จะส่งต่อเพื่อแบ่งปันให้คนอื่น
น่าขำมั้ยล่ะว่า เรื่องลามกจกเปรตทั้งหลายถูกแพร่ทางอินเตอร์เนตอย่างแพร่หลาย แต่การประกาศเรื่องพระเยซูในที่สาธารณะกลับถูกห้าม อย่างเช่น ในโรงเรียนหรือที่ทำงาน
น่าขำมั้ยล่ะว่า ในวันอาทิตย์คนจะมานมัสการพระเจ้าด้วยใจร้อนรนอย่างเต็มที่ แต่ในระหว่างสัปดาห์กลับเป็นคริสเตียนแต่ชื่อเท่านั้น
คุณขำและกำลังหัวเราะอยู่หรือเปล่า อย่ามัวขำอยู่เลยเพราะส่วนใหญ่เราก็เป็นเช่นนั้นแหละ
ขอให้การเฉลิมฉลองเทศกาลอีสเตอร์ของท่านในปีนี้จะมีความหมายมากกว่าที่เคยเป็นมา และอย่าลืมว่า เพราะการเสียสละครั้งยิ่งใหญ่ของพระคริสต์ครั้งเดียวนั้นที่ทำให้ท่านมีทุกวันนี้ได้
ขอบพระคุณ พระเจ้าข้า
สิธยา คูหาเสน่ห์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น