“ความรัก” อานุภาพของคำๆ นี้ช่างยิ่งใหญ่เสียจริงๆ (ดู 1 คธ. 13:13) ชีวิตที่ขาดความรักคงจะดำเนินไปด้วยความยากลำบากอย่างยิ่ง ความรักสามารทำให้อะไรๆ ที่ยากให้ง่ายขึ้น อยากจะเปรียมให้เห็นภาพชัดๆ สักนิดว่า ชีวิตที่ขาดรักก็ไม่ต่างอะไรกับต้นไม้ที่ไม่ได้รับการเลี้ยงดูอย่างทะนุถนอม อย่างดีก็คงได้น้ำหล่อเลี้ยงชีวิตให้รอดอยู่ได้ไปวันๆ เมื่อไม่มีการใส่ปุ๋ย ริดกิ่ง พรวนดินรอบๆ ต้น ถอนวัชพืชที่ขึ้นแย่งอาหาร ต้นไม้นั้นก็คงไม่ตายหรอก แต่ก็คงหาความอุดมสมบูรณ์และความงามได้ยากเต็มที เปรียบเสมือนกับชีวิตของคนเรา การใส่ปุ๋ย ก็คงเปรียบได้กับการเพิ่มรสชาติให้กับชีวิต ไม่ใช่ปล่อยให้ชีวิตดำเนินไปแบบแกนๆ ซ้ำๆ ซ ากๆ เหมือนกันทุกวันๆ การริดกิ่ง ก็คงจะเป็นการเปลี่ยนนิสัยที่ไม่ดีหรือเลิกทำไปเลย (ถ้าเป็นไปได้) ภาพพิมพ์ใจของเราในสายตาของคนอื่นคงจะสวยงามขึ้นบ้างไม่มากก็น้อย การพรวนดิน ก็เปรียบได้กับการทำสภาพแวดล้อมให้มีอนามัย ให้หายใจกันคล่องๆ เพราะเท่าที่เป็นอยู่อากาศรอบข้างก็มีมลพิษมากมายพออยู่แล้ว วัชพืช คงเปรียบได้กับงานหรือบุคคลหรือเหตุภายนอกที่จะมาแย่งเอาเวลาส่วนตัวที่เราควรมีให้ต่อกันไปเสีย ที่กล่าวมาข้างต้นข้าพเจ้าหมายถึงความรักระหว่างชายหญิงเท่านั้น น่าเสียดายที่มีคนจำนวนไน้อยที่ไม่รู้จักวิธีการรักษาความรักที่เคยมีต่อกันเอาไว้ได้ เมื่อความรักแบบนี้มันจืดจางลงก็คงจะค่อยๆ มอดไป แล้วที่สุดคงจะไม่ง่ายนักที่จะปลูกต้นรักให้งอกงามขึ้นมาใหม่อีกครั้ง น่าเสียดายจริงๆ! ท่านผู้อ่านเคยสงสัยบ้างหรือไม่ว่าความรักระหว่างชายหญิงคู่หนึ่งๆ ที่เคยมีต่อกันเมื่อแรกรักกันนั้นยังสามารถคงอยู่ได้อย่างไม่จืดจางจนถึงวันที่ต้องจากกันด้วยความตาย อย่างที่กล่าวเป็นภาษาอังกฤษว่า ‘til death do us part (คำกล่าวนี้ช่างมีความหมายลึกซึ้งน่าประทับใจจริงๆ) เขาทำกันอย่างไร ข้าพเจ้าค่อนข้างแน่ใจว่าคงไม่ใช่หนทางเรียบง่ายที่ปูด้วยกลีบกุหลาบแน่ๆ คิดว่าทุกท่านคงอยากให้เรื่องดีๆ เช่นนี้เป็นจริงอย่างนั้นชีวิตของเราด้วย
สิ่งที่เป็นแรงบันดาลใจให้เขียนบทความนี้ เกิดขึ้นจากภาพยนต์เรื่อง Down in the Delta จริงๆ แล้วจุดเน้นของภาพยนต์เรื่องนี้อยู่ที่ความรักของแม่ที่มีต่อลูกสาวคนหนึ่งที่ไม่สามารถจะหาเลี้ยงตัวเองและลูก 2 คนได้ แต่ที่ข้าพเจ้าประทับใจมากกว่าคือความรักของลุงที่มีต่อป้าซึ่งป่วยเป็นโรคอัลไซเมอร์ ข้าพเจ้ายังไม่ได้ศึกษารายละเอียดของโรคนี้ว่าผู้ป่วยจะมีอาการอย่างไรบ้าง แต่ที่เห็นในภาพยนต์นั้นเหมือนคนที่มีปัญหาด้านสมอง จำตัวเองหรือคนรอบข้างไม่ชัดเจน เขาจะคิดว่าผู้หญิงที่เขาพบเป็นแม่ของเขาแม้ว่าจะมีอายุน้อยกว่าก็ตาม และจะนั่งดูหนังการ์ตูนได้เป็นชั่วโมงๆ เหมือนเด็กเล็กๆ ถ้าบอกให้ไปหาอะไรก็จะพยายามหาจนกระทั่งพบ ถ้าไม่พบก็ไม่ยอมเลิกลา ดังนั้นถ้าต้องการให้เขาไปให้พ้นๆ ก็ใช้ให้ไปหาอะไรก็ได้ที่ไม่มีจริงๆ ที่อื่นเสีย แล้วเขาก็จะไม่มากวนใจใกล้ๆ อีก ข้าพเจ้าเห็นแล้วเศร้าใจมากที่เมื่อถึงบั้นปลายของชีวิตแล้ว คนๆ หนึ่งจะไร้ประโยชน์ได้ถึงเพียงนี้ แต่ผู้หญิงคนนี้ได้รับการอวยพรจากพระเจ้ามากที่ได้สามีที่ยังรักเขาอย่างเหลือเกิน ดูแลเขาอย่างไม่เบื่อหน่าย และอดทนต่อการกระทำที่ไม่สมเหตุสมผลได้อย่างหน้าชื่นตาบาน ข้าพเจ้าเห็นว่าไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำได้เลย น่าชื่นใจจริงๆ สามีของเขาเสียสละถึงขั้นที่ว่าอยากจะเลิกทำงานและใช้เวลาทั้งหมดอยู่ดูแลภรรยาผู้น่าสงสารของเขาในช่วงสุดท้ายแห่งชีวิต
นอกจากนี้หลานสาวของชายแก่คนนี้ซึ่งอยู่กับแม่ ลูกชายคนหนึ่ง และลูกสาวอีกคนหนึ่งซึ่งมีปัญหาด้านจิตใจที่ต่างเมืองก็มีชีวิตที่แร้นแค้นมาก พยายามหางานทำแต่เนื่องจากไม่มีการศึกษาจึงหางานทำไม่ได้ แม่ก็อยากจะให้ไปใช้ชีวิตกับลุงที่ต่างเมืองสักพัก แต่ไม่มีค่าเดินทางจึงต้องจำนำของมีค่าประจำตระกูลเพื่อเป็นค่าเดินทาง และบอกกับลูกสาวว่าเป็นภาระของเธอที่จะต้องหาเงินมาไถ่คืน และที่บ้านลุงนั้นเองที่หญิงสาวคนนี้ได้เรียนรู้ว่าการให้ความรักและความเอาใจใส่เป็นยาขนานวิเศษที่รักษาลูกสาวที่มีปัญหาของเธอได้ และผู้ที่เตือนสติของเธอกลับเป็นแม้บ้านของลุง แม่บ้านคนนั้นให้ข้อคิดแก่หญิงสาวคนนั้นเมื่อถูกถามว่าเห็นว่าลูกสาวของเธอเป็นอย่างไร แทนที่จะตอบคำถามนั้น แม่บ้านคนนั้นกลับย้อนถามว่า “เมื่อลูกสาวของคุณมองหน้าคุณ เธอเห็นอะไร” แม่บ้านคนนั้นบอกว่า “ต้องให้ลูกของคุณมองเห็น ‘แม่’” หลังจากนั้นหญิงสาวคนนั้นก็ปฏิบัติต่อลูกด้วยความรักและความเอาใจใส่มากขึ้น และสิ่งมหัศจรรย์ก็เกิดขึ้น ลูกสาวของเธอมีพัฒนาการที่ดีขึ้นอย่างไม่คาดคิด อานุภาพแห่งความรัก!
และหลังจากนั้นเธอก็มีงานทำเป็นเรื่องเป็นราว เรียนรู้ชีวิตมากขึ้น เรียนรู้อะไรๆ มากขึ้นจนสามารถหาเลี้ยงชีพและดูแลลูกๆ ได้ ชีวิตที่มีแต่ความบาป ชีวิตที่เกี่ยวข้องกับความชั่วร้ายต่างๆ ก็เปลี่ยนไป และลุงก็พาเธอไปโบสถ์ด้วย และทุกคนในครอบครัวก็ให้ความรักแก่ป้าผู้น่าสงสาร เข้าใจ และอดทนต่อความยากลำบาก ข้าพเจ้าได้บทเรียนมากมายจากภาพยนต์เรื่องนี้ คิดว่าถ้ามีโอกาสจะดูอีกรอบ และสนับสนุนให้ลูกๆ ดูด้วย และให้พวกเขาหัดคิดว่าได้เรียนรู้อะไรจากสิ่งที่เห็นบ้างนอกจากความบันเทิงที่ได้รับ
เราจะเห็นว่าพระเจ้าของเราช่างน่ารักและทรงห่วงใยเราทุกคน พระองค์ทรงจัดเตรียมทุกสิ่งสำหรับทุกคนไว้เพราะพระองค์ทรงทราบดีว่าอะไรดีและเหมาะกับเรามากที่สุด พระเจ้าทรงเตือนเราด้วยวิธีการที่เราคาดไม่ถึง บุคคลที่พระองค์ทรงใช้ในภารกิจต่างๆ บางครั้งก็เป็นคนต่ำต้อย แต่พระองค์ก็ทรงใช้คนเหล่านั้น ท่านล่ะ พร้อมที่จะให้พระองค์ทรงใช้หรือเปล่า ทางที่พระเจ้าทรงพอพระทัยให้เราเดินอาจไม่ใช่ทางที่เราพอใจ ท่านจะต้องเลือกว่าจะเดินตามน้ำพระทัยของพระเจ้าหรือตามใจปรารถนาของตัวเอง แต่ผลแห่งการกระทำ เราๆ ท่านๆ คงรู้แน่แก่ใจดีว่าเป็นอย่างไร ขออย่าให้มีสิ่งใดที่จะเป็นอุปสรรคซึ่งเราทนไม่ได้เลย แต่ท่านคงไม่สามารถจะเผชิญอุปสรรคได้ด้วยตัวเองหรอก ท่านไม่ขอการเสริมกำลังจากพระเจ้า เมื่อท่านท้อถอยหรืออ่อนแรงลงเมื่อใด ก็ให้คิดถึงพระวจนะใน ฟป. 4:13 ที่กล่าวว่า “ข้าพเจ้าผจญทุกสิ่งได้โดยพระองค์ผู้ทรงเสริมกำลังข้าพเจ้า” และใน ลก. 21:19 ที่กล่าวว่า “ท่านจะได้ชีวิตรอดโดยการทดทนของท่าน” พระสัญญาของพระเจ้าเป็นจริงเสมอ ข้าพเจ้าขอยืนยัน เพราะข้าพเจ้ามีประสบการณ์มากมายในเรื่องนี้ ขอเพียงเรามีความเชื่อที่มั่นคงในพระเจ้า ดำเนินชีวิตในน้ำพระทัย (ข้าพเจ้าอยากบอกว่าว่าพยายามอย่างดีที่สุดก็แล้วกัน เพราะฝ่ายเนื้อหนังก็ยังมีอำนาจเหนือเราอยู่ค่อนข้างมาก) และสัตย์ซื่อต่อพระองค์แม้ในสิ่งเล็กน้อย แล้วพระคุณความรักและพระพรจะหลั่งไหลมาสู่ท่านอย่างมากมาย ท่านไม่อยากให้ชีวิตของท่านบริบูรณ์เต็มล้นด้วยพระพรจากพระเจ้าหรือ
สิธยา คูหาเสน่ห์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น