9/10/51

มนุษย์กับความบาป

พระเจ้าทรงสร้างมนุษย์ตามพระฉายาของพระองค์ (ปฐก. 1:27) พระองค์ทรงสร้างเราแต่ละคนให้แตกต่างกัน ทุกคนจะมีเอกลักษณ์ของตัวเอง ตัวตนที่แท้จริงของเรานั้นคือ “จิตใจ” บุคลิกลักษณะ และความรู้นึกคิด ซึ่งมีรูปร่างภายนอกหุ้มห่อสิ่งที่เป็นตัวเราจริงๆ รูปร่างภายนอกซึ่งเปรียบเสมือนภาชนะที่หุ้มห่อตัวเรานั้นก็ยังแตกต่างกันอีก และไม่มีสักคนที่จะเหมือนกับอีกคนหนึ่งทุกประการ เหมือนอย่างการทำ “โคลนนิ่ง” (การถ่ายทอดพันธุกรรม) และพระเจ้าทรงทอดพระเนตรไม่เหมือนที่มนุษย์ดู พระองค์ทรงทอดพระเนตรที่จิตใจมิใช่รูปกายภายนอก (1 ซมอ. 16:7ข)

จิตใจที่พระเจ้าประทานมาให้ตั้งแต่แรกทรงสร้างเรานั้นบริสุทธิ์ ใสสะอาด ปราศจากความบาปใดๆทั้งสิ้น แต่เนื่องจากซาตานได้มาล่อลวงบรรพบุรุษของเรา “เหตุฉะนั้นเช่นเดียวกับที่บาปได้เข้ามาในโลกเพราะคนเดียว และความตายก็เกิดมาเพราะบาปนั้น และความตายก็ได้แผ่ไปถึงมวลมนุษย์ทุกคนเพราะมนุษย์ทุกคนทำบาป” (รม. 5:12) มนุษย์ทุกคนทำบาป “เพราะไม่มีมนุษย์สักคนหนึ่งซึ่งมิได้กระทำบาป” (1 พกษ. 8:46) นี่เป็นข้อยืนยันได้เป็นอย่างดีว่าเราทุกคนเป็นคนบาป แท้ที่จริงเราเป็นคนบาปตั้งแต่ยังไม่ถือกำเนิดมาในโลกนี้ด้วยซ้ำไป “ดูเถิด ข้าพระองค์ถือกำเนิดมาในความผิดบาป และมารดาตั้งครรภ์ข้าพระองค์ในความบาป” (สดด. 51:5) และ “ค่าจ้างของความบาปคือความตาย” (รม. 6:23) และ “ทุกคนต้องตายเพราะความบาปของตนเอง…” (ยรม. 31:30) และ “เหล็กไนของความตายคือบาป” (1 คธ. 15:56)

จะเห็นได้ว่าทุกคนจะหนีไม่พ้นความบาป เพราะ “บาปก็หมอบอยู่ที่ประตู” (ปฐก. 3:7) โดยธรรมชาติฝ่ายเนื้อหนังของมนุษย์มักจะทำบาป ซึ่งเป็นสิ่งที่ขัดต่อน้ำพระทัยของพระเจ้าและพระวิญญาณบริสุทธิ์ แม้แต่เรารู้ว่าสิ่งใดถูกต้องแต่เพิกเฉยเสียไม่ทำตามเราก็ทำบาปแล้ว ดังนั้น จึงเป็นเหตุให้พระบิดาต้องส่งพระบุตรองค์เดียวของพระองค์มาเพื่อไถ่ความบาปของเราทุกคน “…พระองค์ได้ทรงปรากฏ เพื่อกำจัดบาปของเราให้หมดไป …” (1 ยน. 3:5ก) และมิใช่เพราะว่าเรามีคุณค่ามากพอที่สมควรจะได้รับการไถ่นั้น แต่เป็นเพราะพระเมตตาคุณและพระกรุณาคุณของพระองค์ และการที่ทรงรักคนทั้งหลายก่อนต่างหากจึงเสด็จมาทรงชำระความบาปของเราจนหมดสิ้น และยิ่งเราเห็นความบาปของเรามากขึ้นเท่าใด เราก็จะเห็นพระคุณของพระเจ้ามากขึ้นเท่านั้น (ดู รม. 5:20) เพียงแต่เราสารภาพความบาปของเราต่อพระองค์และสัญญาว่าจะไม่ทำอีก พระองค์จะทรงแบกภาระแห่งความบาปแทนเราแล้วเราจะได้ชีวิตใหม่ พระองค์จะไม่ปล่อยให้เราหลงหายไปจากทางของพระองค์ พระองค์ทรงเฝ้าดูเราอยู่ทุกเวลา เพราะพระองค์ไม่เคยหลับ แล้วเมื่อเราได้รับการไถ่แล้ว เราก็จะปราศจากความบาปและสมบูรณ์พร้อมและมีความสุขนิรันดร์ พระองค์จะนำความรอดมาเป็นอาภรณ์ห่มให้เรา และปกคลุมเราด้วยความชอบธรรม ถ้าจะมีใครสักคนอ้างว่าตนไม่เคยทำบาป เป็นการหลอกลวงตนเองและปฏิเสธความจริง เพราะไม่มีมนุษย์แม้สักคนเดียวที่ปราศจากความบาป นอกจากองค์พระเยซูคริสตเจ้า พระบุตรของพระองค์ (ดู 1 ยน. 2:5ข) เรามักจะเลือกเดินทางที่กว้างและสะดวกสบายซึ่งนำไปสู่ความตาย แต่ทางที่แคบและขรุขระเต็มไปด้วยขวากหนามซึ่งนำไปสู่ความรอดและพระพรที่หลั่งไหลมาสู่เราและเป็นความมั่งคั่งของเรานั้น เรามักจะหลีกเลี่ยง ดังนั้น จงระวังให้ดีและเลือกทางเดินให้ถูกต้อง เมื่อใดที่พบความลำยาก เมื่อใดที่เราเริ่มบ่น จงหันมานับพระพรที่พระองค์ประทานให้ ถ้าเรานับพระพรทีละอันๆ เราจะพบว่ามีมากมายจนนับไม่ถ้วนทีเดียว

ท่านพร้อมที่จะยอมรับว่าเป็นคนบาปหรือยัง

ท่านพร้อมที่จะสารภาพความบาปต่อองค์พระผู้เป็นเจ้าหรือยัง

ท่านพร้อมที่จะรับความรอดซึ่งเป็นของประทานจากองค์พระผู้เป็นเจ้าหรือยัง


ถ้าท่านพร้อมแล้ว และได้ทำแล้ว อย่าลืมที่จะนำความรอดนั้นไปให้แก่ผู้ที่ท่านรักและห่วงใยด้วย อย่าลืมที่จะประกาศให้โลกรู้ว่า องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราทรงแสนดี

สิธยา คูหาเสน่ห์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น