1/10/51

คำอธิษฐานที่น่าท้าทาย

“ท่านทั้งหลายไดยินคำซึ่งกล่าวไว้ว่าจงรักคนสนิทและเกลียดชังศัตรู ฝ่ายเราบอกท่านว่าจงรักศัตรูของท่านและจงอธิษฐานเพื่อผู้ที่ข่มเหงท่าน ทำดังนี้แล้วท่านทั้งหลายจะเป็นบุตรของพระบิดาของท่านผู้ทรงสถิตในสวรรค์เพราะว่าพระองค์ทรงให้ดวงอาทิตย์ของพระองค์ขึ้นส่องสว่างแก่คนดีและคนชั่วเสมอกันและให้ฝกตกแก่คนชอบธรรมและคนอธรรม แม้ว่าท่านรักผู้ที่รักท่านจะได้บำเหน็จอะไร ถึงพวกเก็บภาษีก็ยังกระทำอย่างนั้นมิใช่หรือ ถ้าท่านทักทายแต่พี่น้องของตนฝ่ายเดียวท่านได้กระทำอะไรเป็นพิเศษยิ่งกว่าคนทั้งปวงเล่าถึงคนต่างชาติก็กระทำอย่างนั้นมิใช่หรือ เหตุฉะนี้ท่านทั้งหลายจงเป็นคนดีรอบคอบเหมือนอย่างพระบิดาของท่านผู้ทรงสถิตในสวรรค์เป็นผู้ดีรอบคอบ”

พระวจนะข้างต้นอยู่ในมัทธิว 5:43-48 ข้าพเจ้ามั่นใจว่าท่านคงอ่านพระธรรมตอนนี้หลายรอบแล้วตลอดชั่วชีวิตการเป็นคริสเตียนของท่าน แต่จะมีสักครั้งไหมที่ท่านจะอ่านด้วยใจใคร่ครวญถึงความหมายที่อยู่เบื้องลึกลงไป จงรักศัตรูของท่านและจงอธิษฐานเพื่อผู้ที่ข่มเหงท่าน ท่านเคยถามตัวเองบ้างไหมว่า นี่มันอะไรกัน! รักศัตรูหรือ! อธิษฐานเพื่อผู้ที่ข่มเหงเราหรือ! ท่านคงตะโกนก้องอยู่ในใจว่าจะทำได้อย่างไรกันเล่า พระองค์เจ้าข้า ผู้ที่เป็นศัตรูหรือผู้ที่ข่มเหงเรา อย่าว่าแต่ให้รักหรืออธิษฐานเพื่อเขาเลย แค่ไม่ให้คิดร้ายต่อเขาก็ดูเหมือนจะทำได้ยากเสียแล้ว นี่ให้รักและยังอธิษฐานเพื่อเขาอีกหรือนี่ใครจะทำได้ เราคงทำไม่ได้แน่ ไม่ได้แน่ๆ ถ้าท่านตอกย้ำกับตัวเองอยู่อย่างนั้นก็ไม่มีวันทำได้หรอก

ให้เรามาฝึกทำกันสักหน่อยดีกว่า ลองนึกถึงใครสักคนที่ท่านถือว่าเป็นศัตรูของท่าน ลองเปลี่ยนท่าทีที่มีต่อเขาเสียใหม่ มองเขาด้วยมุมมองใหม่ที่ไม่แฝงด้วยความเกลียดชัง ค่อยๆ เปลี่ยนความรู้สึกให้เกลียดเขาน้อยลง คิดถึงส่วนดีของเขาและจำแต่ในสิ่งดีๆ ข้าพเจ้าเชื่อว่าทุกคนมีส่วนดีในตัว แม้ว่าคนนั้นจะถูกตราหน้าว่าเป็นคนเลวแค่ไหนก็ตาม พยายามรักเขาด้วยความรักขององค์พระผู้เป็นเจ้าที่ทรงให้แก่ท่านอย่างมากมาย ความรักของพระองค์มีมากจนใช้ไม่หมดอย่างแน่นอน ความรักนั้นยิ่งใช้ก็ยิ่งมีมาก ไม่เชื่อลองทำดูสิ

สำหรับเรื่องการอธิษฐานเพื่อคนที่ข่มเหงท่านนั้น ก็เป็นเรื่องที่เราทุกคนต้องฝึกทำเช่นกัน ข้าพเจ้าขอยกตัวอย่างประกอบสักเรื่องก็แล้วกัน หญิงสาวคนหนึ่งรู้สึกว่าเจ้านายของเธอน่าชังมากขึ้น ทุกวันๆ เธอต้องน้ำตาตกอยู่บ่อยๆ กับคำพูดที่เชือดเฉือนความรู้สึกและการกระทำที่วางอำนาจและไม่มีความเห็นอกเห็นใจของเจ้านายของเธอ เย็นวันหนึ่งเธอก็ขอให้กลุ่มอธิษฐานของเธอร่วมใจกันอธิษฐานทูลขอให้พระเจ้าทรงเปลี่ยนเจ้านายของเธอ (เราทุกคนมักอธิษฐานเช่นนั้น เพราะเรามองว่าตัวปัญหาน่าจะได้รับการแก้ไข) แต่มีสมาชิกกลุ่มคนหนึ่งสร้างความประหลาดใจ โดยกล่าวว่า “ฉันอธิษฐานแบบนั้นไม่ได้หรอกนะ แต่ฉันจะอธิษฐานทูลขอพระเจ้าให้เธอสามารถรักเจ้านายของเธออย่างที่เขาเป็นผู้นั้นแหละ” (ฟังดูเหมือนไม่ได้ช่วยอะไรเลย แท้ที่จริงเราทุกคนเป็นเช่นนั้น เราไม่เคยคิดที่จะเริ่มต้นที่ตัวเราเลย) ที่จริงหญิงสาวคนนั้นอยากโต้แย้งว่าเจ้านายของเธอเป็นคนใจร้ายมากจริงๆ แต่เธอก็สงบปากสงบคำและยอมรับว่าจะอธิษฐานตามอย่างที่สมาชิกคนนั้นเสนอไว้อย่างไม่หนักแน่นสักเท่าไร แม้ว่าเธอไม่อยากไปทำงานเลยในวันรุ่งขึ้น แต่เมื่อเธออธิษฐานตามนั้นแล้วก็รู้สึกเบาใจขึ้นหลังจากที่กลุ้มอกกลุ้มใจมานานหลายเดอืน

พระเจ้าทรงตอบคำอธิษฐานและด้วยพระคุณหญิงสาวคนนั้นก็สามารถรักเจ้านายของเธออย่างที่เขาเป็น แต่กระนั้นก็ยังไม่เป็นมิตรกันสักเท่าไร แต่หญิงสาวคนนั้นเปลี่ยนท่าทีที่มีต่อเจ้านายของเธอไปในทางที่ดีขึ้น โดยมีความอ่อนโยนมากขึ้นและให้ความรู้สึกอบอุ่นมากขึ้น เจ้านายของเธอก็เริ่มเปลี่ยนแปลงไปด้วยเหมือนกันและเริ่มเล่าปัญหาส่วนตัวให้ฟังบ้าง หลายเดือนต่อมาเมื่อเจ้านายของเธอถูกย้ายไปที่อื่น หลายๆ คนโล่งอก แต่หญิงสาวคนนั้นกลับรู้สึกเศร้า สิ่งที่ไม่น่าเชื่อได้เกิดขึ้นแล้ว! พระเจ้าทรงช่วยเธอให้รักคนที่ไม่น่ารักได้จริงๆ!

คำอธิษฐานที่น่าท้าทายแบบนี้บอกอะไรกับท่านบ้าง ท่านเห็นการทำงานของท่าทีในการอธิษฐานแบบนี้อย่างไรบ้าง ท่านคิดว่าเมื่อท่านอยู่ในสถานการณ์ที่คล้ายคลึงกันนี้ ท่านจะสามารถอธิษฐานแบบนี้ไหม ท่านยอมที่จะให้พระเจ้าทรงเปลี่ยนแปลงคุณก่อนแล้วจากตัวอย่างที่ท่านทำไว้นั้นเองจึงทำให้ผู้อื่นเปลี่ยนแปลงตัวเองในที่สุด

ข้าพเจ้าขอหนุนใจว่าการเริ่มต้นไม่เคยสาย แต่ในความคิดส่วนตัวเห็นว่าต้องอาศัยความกล้าและความถ่อมใจ ท่านไม่อยากใกล้ชิดและสัมผัสการสถิตอยู่ของพระเจ้ามากกว่าที่เป็นอยู่หรืออย่างไร ข้าพเจ้าค่อนข้างแน่ใจว่าโลกยุคนี้ดึงเอาเวลาของเราไปเกือบหมด เราใช้เวลากับพระเจ้าในแต่ละวันเท่าใดจากทุกวินาทีที่พระองค์ทรงประทานให้แก่เรา เราอาจเหลือเวลาไม่มากที่จะจาริกอยู่บนโลกนี้ ฉะนั้นอย่าปล่อยเวลาให้ล่วงผ่านไปโดยไม่ได้สำแดงความรักของพระเจ้าเลย

จงทูลขอกำลังจากพระเจ้าให้สามารถทำในสิ่งที่เราคิดว่าเป็นไปไม่ได้ หากปราศจากการเสริมกำลังจากพระองค์แล้ว เราไม่สามารถทำอะไรได้เลย

จงทูลขอสติปัญญาจากพระเจ้าให้รู้วิธีรักคนที่ไม่น่ารัก สถานการณ์ของแต่ละคนย่อมไม่เหมือนกัน เมื่อเรานำปัญหาของเราไปที่เบื้องพระบาท พระองค์จะทรงชี้นำอย่างแน่นอน

เอเมน!


สิธยา คูหาเสน่ห์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น