6/10/51

ท่านมีกระดาษห่อของขวัญคริสตมาสหรือยัง

ข้าพเจ้ามักจะจู้จี้กับกระดาษห่อของขวัญเสมอ ข้าพเจ้าอยากให้ความรู้สึกประทับใจเกิดขึ้นตั้งแต่ภายนอกก่อนที่จะดูว่าสิ่งของที่อยู่ภายในกล่องเป็นอะไร เพราะนั่นแสดงให้เห็นความตั้งใจและความรักและความปรารถนาดีที่จะมอบให้กับผู้รับ ท่านล่ะมีกระดาษสำหรับห่อของขวัญที่จะมอบให้กับคนที่อยากส่งความสุขให้ในเทศกาลคริสตมาสหรือยัง ... แต่...เด็กผู้หญิงเล็กๆคนหนึ่งมีแล้ว

มีเรื่องเล่าว่าเด็กผู้หญิงคนหนึ่งกำลังถูกคุณพ่อดุเพราะเอาเงินไปซื้อกระดาษห่อของขวัญสีทองมาแผ่นหนึ่ง ครอบครัวนี้ซึ่งมีกันอยู่สองคนพ่อลูกมีฐานะการเงินที่ไม่มั่นคงสักเท่าไร ดังนั้นทุกบาททุกสตางค์ที่ใช้ไปต้องแน่ใจว่าเป็นเรื่องจำเป็นเท่านั้น ผู้เป็นพ่อยิ่งหัวเสียมากขึ้นเมื่อเห็นเด็กคนนั้นเอากระดาษที่มีราคาแพงมากนั้นมาห่อของขวัญกล่องหนึ่ง เช้าวันรุ่งขึ้นซึ่งเป็นวันคริสตมาสเด็กน้อยก็นำของขวัญซึ่งเธอบรรจงห่ออย่างสวยงามนั้นไปให้คุณพ่อและพูดว่า “สุขสันต์วันคริสตมาสค่ะ คุณพ่อ” ผู้เป็นพ่อรู้สึกตะขิดตะขวงใจและรู้สึกผิดที่ดุลูกสาวเสียยกใหญ่เมื่อวานนี้เพราะไม่รู้ว่าลูกสาวตั้งใจจะมอบของขวัญชิ้นนั้นให้เขา แต่เมื่อเขาแกะกระดาษห่อของขวัญออกและเห็นว่าในกล่องนั้นว่างเปล่า เขาก็ควบคุมอารมณ์โกรธไว้ไม่อยู่และตวาดใส่ลูกสาวตัวน้อยว่า“สาวน้อย ลูกไม่รู้หรือไงว่าเวลาที่เราจะมอบของขวัญให้ใครนั้นต้องมีของอยู่ในกล่องด้วย” เด็กน้อยมองหน้าคุณพ่อด้วยดวงตากลมโตที่มีหยาดน้ำตาเอ่อเต็มทั้งสองข้างและพูดว่า “คุณพ่อขา มันไม่ใช่กล่องเปล่าอย่างที่คุณพ่อเข้าใจนะคะ หนูใส่รอยจูบไว้จนเต็มกล่องเลยล่ะค่ะ”

เมื่อได้ยินเช่นนั้นผู้เป็นพ่อถึงกับอึ้งและดูเหมือนว่าความตื้นตันใจจะท่วมท้นหัวใจจนแทบระเบิด เขาเสียใจมาก เขาคุกเข่าลงและกอดเด็กน้อยไว้แนบอกและขอร้องว่าอย่าถือโทษโกรธที่เขาลุแก่โทสะไปเมื่อครู่นี้ หลังจากนั้นไม่นานอุบัติเหตุก็คร่าชีวิตของเด็กน้อยคนนั้นไปจากอ้อมอกของผู้เป็นพ่อ กล่าวกันว่าเขาวางกล่องของขวัญนั้นไว้ข้างกายตลอดชีวิตที่เหลืออยู่ของเขา เมื่อไรก็ตามที่เขารู้สึกท้อแท้ใจหรือเหน็ดเหนื่อยจากการงาน เขามักจะเปิดกล่องนั้นออกและจินตนาการว่ามีรอยจูบของลูกสาวอยู่ในนั้นและก็คิดถึงเด็กน้อยเจ้าของรอยจูบนั้น สิ่งนี้เองที่เล้าโลมใจของเขาให้แช่มชื่นขึ้น

ในโลกแห่งความเป็นจริง เราต่างก็ได้รับของขวัญที่บรรจุความรักที่ไม่มีเงื่อนไขจากลูกๆ จากครอบครัว และจากมิตรสหายอยู่แล้ว มันเป็นสิ่งล้ำค่าที่สุดที่เราจะมอบให้กันและกัน ขอให้รักซึ่งกันและกันอย่างที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงกำชับเราไว้ เราไม่รู้ว่าพระองค์จะทรงเรียกเรากลับบ้านเมื่อไร ในเมื่อยังไม่ถึงเวลานั้น ให้บอกรักกันด้วยวาจามิดีกว่าด้วยจินตนาการหรือ

สิธยา คูหาเสน่ห์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น