“No one is perfect” คิดว่าทุกคนคงจะเคยได้ยินคำกล่าวนี้ซึ่งมีความหมายว่า ไม่มีใครดีพร้อม ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดแต่อย่างใดที่เราจะทำผิด ความบาปมีมาตั้งแต่เรายังไม่ถือกำเนิดมาในโลกนี้ “ดูเถิด ข้าพระองค์ถือกำเนิดมาในความผิดบาป” (สดด. 51:5) ดังนั้นจึงไม่มีสักคนเดียวที่ไม่เคยทำบาป (ดู 1 พกษ. 8:46) เพราะฝ่ายเนื้อหนังของเราอยู่ใต้อานุภาพของมารร้าย” (1 ยน. 5:19) และ “เพราะว่าเมื่อเราดำเนินชีวิตตามทางโลก ตัณหาชั่วที่ธรรมบัญญัติเร้าให้เกิดขึ้นนั้นได้ทำให้อวัยวะของเราก่อกรรมชั่วไปสู่ความตาย” (รม. 7:5) และแน่นอนถ้าเรายังทำตามความต้องการฝ่ายเนื้อหนังอยู่ก็จะเป็นที่พอพระทัยพระเจ้าไม่ได้เลย (ดู รม. 8:7)
แต่การที่จะหลีกเลี่ยงจากการไม่ทำบาปก็คงจะเป็นไปไม่ได้อีกเช่นกัน เพราะ “บาปก็หมอบอยู่ที่ประตูอยากตะครุบเจ้า” (ปฐก. 4:7) จากข้อพระวจนะข้างต้นจะเห็นว่าโอกาสที่เราจะทำบาปมีอยู่ตลอดเวล ถ้าเราไม่ระวังตัวให้ดี เมื่อตกอยู่ในการทดลองและพ่ายแพ้ บางครั้งเราอาจจะทำบาปไปโดยไม่รู้ตัวหรือโดยไม่ได้ตั้งใจ แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือ เมื่อรู้ตัวว่าได้ทำบาปแล้ว ต้องสารภาพบาปนั้นกับพระเจ้า และพระองค์จะทรงให้อภัยแก่เรา ดังที่กล่าวไว้ใน 1 ยน. 1:9 ว่า ถ้าเราสารภาพบาปของเรา พระองค์ทรงสัตย์ซื่อและเที่ยงธรรมก็จะทรงโปรดยกบาปของเรา และจะทรงชำระเราให้พ้นจากการอธรรมทั้งสิ้น ฮาเลลูยา สรรเสริญพระเจ้า พระองค์ทรงรักเราแม้เราจะทำบาป ไม่เชื่อฟังพระองค์ แม้ว่าความบาปของเราจะหนักสักเพียงใดก็ตาม พระองค์ก็ทรงให้อภัยและจะไม่จดจำไว้ “……..ถึงบาปของเจ้าเหมือนสีแดงเข้มก็จะขาวอย่างหิมะ ถึงมันจะแดงอย่างผ้าแดงก็จะกลายเป็นอย่างขนแกะ” (อสย. 1:18) พระองค์จะนับหนึ่งเสมอสำหรับความบาปของเรา แต่ที่สำคัญคือ เราต้องสารภาพและสัญญากับพระองค์ว่าจะไม่ทำความผิดเช่นนั้นอีก และต้องกลับใจใหม่
นอกจากนั้น เรายังต้งให้อภัยตัวเองด้วย อย่าปล่อยให้ภาพในอดีตกลับมาหลอกหลอนเราอีก นั่นแสดงว่าเราไม่ยอมรับการทรงให้อภัยของพระเจ้า แม้ว่าการลืมภาพต่างๆ เหล่านั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แม้จะต้องใช้เวลานานสักเท่าใดก็ตาม ก็ขอให้เราอดทนและเอาชัยชนะมาให้ได้ และเข้าสู่อ้อมกอดขององค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงเมตตาของเรา อย่าห่วงว่าเราจะทนความเจ็บปวดเมื่อคิดถึงเรื่องร้ายๆ ในอดีตไม่ได้ เพราะพระเจ้าทรงสัตย์ซื่อและเที่ยงธรรม และทรงรักเราอย่างมากมาย และ “ไม่มีการทดลองใดๆ เกิดขึ้นกับท่าน นอกเหนือจากการทดลองซึ่งเคยเกิดกับมนุษย์ทั้งหลาย พระเจ้าทรงสัตย์ธรรม พระองค์จะไม่ทรงให้ท่านต้องถูกทดลองเกินกว่าที่ท่านจะทนได้ และเมื่อทรงทดลองท่านนั้น พระองค์จะทรงโปรดให้ท่านมีทางที่จะหลีกเลี่ยงได้ด้วย เพื่อท่านจะมีกำลังทนได้ (1 คธ. 10:13)
ดังนั้นขอให้เรามีความอดนให้ถึงที่สุด แล้วเราก็จะได้ครองร่วมกับพระองค์ (ดู 2 ทธ. 2:12) และท้ายที่สุดให้เราให้อภัยกันและกัน เพื่อชูพระนามอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ขึ้นสูงสุด และความขมขื่น ความทุกข์ยาก ความเจ็บปวด จะกลายเป็นพระพรที่ไหลมาสู่เราอย่างไม่ขาดสาย
สิธยา คูหาเสน่ห์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น