10/10/51

ความรักที่ว่านั้น … ฉันใด

“ความรักก็อดทนนานและกระทำคุณให้ ความรักไม่อิจฉา ไม่อวดตัว ไม่หยิ่งผยอง ไม่หยาบคาย ไม่คิดเห็นแก่ตนเองฝ่ายเดียว ไม่ฉุนเฉียว ไม่ช่างจดจำความผิด แต่ชื่นชมยินดีเมื่อประพฤติชอบ ความรักทนได้ทุกอย่างแม้ความผิดของคนอื่น และเชื่อในส่วนดีของเขาอยู่เสมอ และมีความหวังอยู่เสมอ และทนต่อทุกอย่าง” (1 โครินธ์ 13:4-7)
คิดว่านิยามความรักข้างต้นคงเป็นที่คุ้นเคยของคริสตชนทุกคน และคิดว่าคงมีคนไม่น้อยที่สามารถท่องจำข้อพระวจนะนี้ได้ แต่ข้าพเจ้ายังแคลงใจว่าบรรดาผู้ตระหนักดีทั้งหลายเหล่านั้นจะมีสักกี่คนเชียวหนอที่สามารถปฏิบัติตามได้โดยไม่ขาดตกบกพร่องแม้สักประเด็นเดียว ข้าพเจ้าต้องทูลขอการทรงอภัยจากพระเจ้าถ้าจะขอกล่าวว่าในยุคนี้ (ซึ่งหลายคนเห็นพ้องต้องกันว่าน่าจะเป็นยุคสุดท้ายแล้วจริงๆ จากหมายสำคัญหรือเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น) ช่างหาความรักได้น้อยเต็มทนแม้แต่จากสมาชิกในครอบครัวของเราเอง มนุษย์เกิดมาพร้อมกับความบาปและพร้อมที่จะทำบาปทุกขณะเมื่อตกอยู่ในการทดลองถ้าจิตวิญญาณไม่เข้มแข็งพอ ไม่เว้นแม้แต่ผู้รับใช้พระเจ้า ผู้ปกครอง ผู้ที่ดำเนินชีวิจด้วยความชอบธรรม ผู้ที่รักพระเจ้าอย่างสัตย์ซื่อตลอดมา ถ้าดูอย่างผิวเผินจะเห็นว่าบุคคลเหล่านี้ติดสนิทกับพระเจ้าตลอดเวลา มองไม่เห็นทางเลยว่าจะพ่ายแพ้การทดลองได้อย่างไร แต่เราต้องไม่ลืมว่ายิ่งเราเข้มแข็งกับพระเจ้ามากเท่าใด มาร ก็ต้องทำงานหนักที่จะคอยทำลายเรามากขึ้นเท่านั้น แต่พระเจ้าทรงอนุญาตให้ความผิดเกิดขึ้น พระองค์ต้องมีพระประสงค์อย่างแน่นอน และเป็นการยืนยันสิ่งที่พระเจ้าทรงตรัสไว้ว่า “เพราะไม่มีคนเป็นคนใดที่ชอบธรรมต่อพระพักตร์พระองค์” (สดด. 143:2ข) และ “แน่ทีเดียวไม่มีคนชอบธรรมสักคนเดียวบนแผ่นดินโลกที่ได้ประพฤติล้วนแต่ความดี และไม่กระทำบาปเลย” (ปญจ. 7:20) สิ่งที่เราจะทำได้ดีที่สุดคือสารภาพความผิดบาปของเรากับพระเจ้า ทูลขอการทรงอภัย กลับใจใหม่และจะไม่ยอมแพ้ต่อสิ่งใดๆ อีก และอธิษฐานรอคอยคำตอบจากพระองค์ด้วยความอดทน เพราะมนุษย์เกิดมาในสภาพที่แตกสลาย ที่มนุษย์ยังสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ก็ด้วยพระคุณของพระเจ้าที่เปรียบเสมือนกาววิเศษที่ปะติดปะต่อชิ้นส่วนที่กระจัดกระจายเหล่านั้นเข้าด้วยกัน เช่นเดียวกันเมื่อใครคนใดคนหนึ่งหลงทางทำผิดไป เมื่อรู้สึกตัวแล้วขวัญและกำลังใจที่ขาดสะบั้นนั้นนอกจากพระเจ้าแล้วยังเป็นความเอื้ออาทรที่สมาชิกในครอบครัวควรจะหยิบยื่นให้ เรียกขวัญและกำลังใจเหล่านั้นให้กลับฟื้นขึ้นมาใหม่อีกครั้งหนึ่ง ช่วยลบความผิดนั้นให้จางลงและให้รอยแผลนั้นค่อยๆ หายไปจากจิตใจด้วยความรัก มิใช่ด้วยการตอกย้ำไม่ยอมลืม ถ้าเช่นนั้นนิยามความรักข้างต้นจะมีความหมายอะไร ไม่มีใครสามารถจะทำได้ดีกว่าคนในครอบครัวเพราะรู้ข้อเท็จจริงทั้งหมด ความจริงบางประการก็ไม่สามารถให้คนอื่นรับรู้ได้ทั้งหมด ดังนั้นข้าพเจ้าใคร่ขอวิงวอนให้คริสเตียนทั้งหลายทบทวนบทบาทของตนเองใหม่อีกสักครั้งว่าการดำเนินชีวิตและวาจาของเราสอดคล้องกับพระบัญชาของพระเจ้าหรือไม่ หรือมีการดำเนินชีวิจที่แสวงหาน้ำพระทัยของพระเจ้าอย่างแท้จริงหรือไม่
ความรักก็เหมือนต้นไม้ต้นหนึ่งที่ต้องการความเอาใจใส่ดูแลทำนุบำรุงจึงจะสามารถเจริญเติบโตผลิดอกออกผลได้ พระเจ้าให้เรารักและเป็นห่วงซึ่งกันและกัน ต้นรักในใจของเราเป็นต้นรักชนิดที่เหี่ยวเฉาเพราะขาดการดูแลได้น้ำบ้างไม่ได้บ้าง หรือเป็นต้นรักที่อยู่ริมน้ำเขียวชอุ่มทั้งปีแผ่กิ่งก้านสาขาออกกว้างให้ร่มเงาที่น่าร่มรื่น หรือแม้จะไม่ได้อยู่ริมน้ำแต่ก็มีการพรวนดินใส่ปุ๋ยให้น้ำอย่างอุดมสมบูรณ์
ท่านผู้อ่านที่รัก ต้นรักในใจของท่านเป็นชนิดใด
ความเชื่อ ทำให้ทุกสิ่งเป็นไปได้
ความหวัง ทำให้ทุกสิ่งสดใส
ความรัก ทำให้ทุกสิ่งเป็นเรื่องง่าย
พระเจ้าทรงเริ่มต้นการดีของพระองค์แล้วโดยทำให้จักรวาลนี้ไร้พรมแดน ท่านล่ะ ปลูกต้นไม้ให้งอกงามจนมีความรักมากพอที่จะเทให้แก่มนุษย์บนโลกนี้ ทำให้อาณาจักรอันปราศจากเขนแดนนี้เต็มไปด้วยความรักแบบพระคริสต์ ท่านอยากเห็นภาพที่ทุกคนบนพิภพนี้จับมือกันแล้วร้องเพลง “เราเป็นหนึ่งในความรักพระคริสต์” ให้ก้องโลกหรือไม่!!!

สิธยา คูหาเสน่ห์

1 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ12/6/55 16:42

    ขบคุณ พระเจ้า สำหรับพระพรที่หนุนใจในชีวิตผม

    ตอนนี้ไดแต่อธิษฐาน รอคำตอบจากพระองค์

    ท่าถึงการตัดสินใจ ว่าจะเลือก ตามใจของตน ให้รู้จักการบังคับตน

    หรือ ฟังคำตอบ จากพระเจ้า

    ตอบลบ

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น