8/10/51

ของขวัญวันคริสต์มาส

เทศกาลคริสต์มาสใกล้เข้ามาอีกครั้งหนึ่งแล้ว ดูเหมือนว่าบรรยากาศในการเฉลิมฉลองคริสต์มาสเมื่อปีที่แล้วยังไม่เลือนหายไปเลย ก็ถึงเวลาที่จะซาบซึ้งกับความรู้สึกใหม่ๆอีกแล้วหรือนี่ ไม่รู้ว่าคริสต์มาสปีนี้ของท่านและของข้าพเจ้าจะเป็นอย่างไรบ้างนะ …

ข้าพเจ้าจึงขอถือโอกาสนี้ส่งความสุข ความชื่นชมยินดี และความสนุกสนานเพลิดเพลินมายังทุกท่าน ขอให้การระลึกถึงการเสด็จมาในโลกขององค์พระเยซูคริสต์ที่รักของเราเป็นเทศกาลแห่งการให้อย่างแท้จริง เพราะการให้เป็นเหตุให้มีความสุขกว่าการรับ มิใช่หรือ

น่าเศร้าที่ความหมายของคริสต์มาสในทุกวันนี้เปลี่ยนแปลงไปจากความหมายดั้งเดิมอย่างมากมาย คนเป็นอันมากแทบจะไม่ได้นึกว่าคริสต์มาสเป็นเทศกาลหนึ่งในคริสต์ศาสนาอีกต่อไปแล้วด้วยซ้ำไป แม้แต่คริสเตียนเองก็ตาม กระแสข่าวรายงานมาว่าในซีกโลกตะวันตกคริสต์ชนจำนวนมากไม่ได้ไปโบสถ์เสียด้วยซ้ำไปในวันคริสต์มาส พวกเขาระลึกถึงวันแห่งความปีติยินดีนี้ด้วยการให้และรับของขวัญ การรื่นรมย์ทางโลก และการพักผ่อนดูทีวีอยู่กับบ้าน และร้ายยิ่งกว่านั้นให้ความสำคัญกับซานตาคลอสมากกว่าพระเยซู!

สำหรับท่านยังจำได้ไหมว่าคริสต์มาสเกิดขึ้นได้อย่างไร …

“พระคริสต์” หมายถึง “พระเมสสิยาห์” หรือ “ผู้ที่ได้รับการเจิม” ซึ่งเป็นตำแหน่งของพระเยซูคริสต์ คริสตชนเชื่อว่าการเสด็จมาในโลกของพระเยซูเป็นแผนการของพระเจ้า และเป็นพระประสงค์ของพระเจ้าด้วยเช่นกันที่ให้พระเยซูเสด็จมาด้วยการถ่อมพระองค์ลงจนถึงกับทรงสละสภาพพระเจ้าและทรงยอมเชื่อฟังพระบิดาจนถึงกับความมรณาที่กางเขน ไม่ใช่เสด็จมาในฐานะกษัตริย์ผู้มั่งคั่ง และคริสเตียนก็รู้ว่าพวกผู้เผยพระวจนะได้พูดถึงเรื่องราวการประสูติของพระเยซูไว้นานแล้วก่อนที่พระองค์จะเสด็จมาจริงๆ ห้าร้อยปีก่อนผู้เผยพระวจนะมีคาห์ได้กล่าวไว้ว่า “โอเบธเลเฮม เอฟราธาห์ แต่เจ้าผู้เป็นหน่วยเล็กในบรรดาตระกูลของยูดาห์จากเจ้าจะมีผู้หนึ่งออกมาเพื่อเราเป็นผู้ที่จะปกครองในอิสราเอลดั้งเดิมของท่านมาจากสมัยเก่าจากสมัยโบราณกาล” และผู้เผยพระวจนะอิสยาห์ก็ได้เขียนไว้ว่า “ด้วยมีเด็กคนหนึ่งเกิดมาเพื่อเรา มีบุตรชายคนหนึ่งประทานมาให้เรา และการปกครองจะอยู่ที่บ่าของท่าน และท่านจะเรียกนามของท่านว่า ‘ที่ปรึกษามหัศจรรย์ พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ พระบิดานิรันดร์ องค์สันติราช’เพื่อการปกครองของท่านจะเพิ่มพูนยิ่งขึ้น และสันติภาพจะไม่มีที่สิ้นสุด เหนือพระที่นั่งของดาวิด และเหนือราชอาณาจักรของพระองค์ที่จะสถาปนาไว้ และเชิดชูไว้ด้วยความยุติธรรมและด้วยความชอบธรรม ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปจนนิรันดรกาล” และเรื่องราวการประสูติของพระเยซูตามที่ผู้เผยพระวจนะมีคาห์และอิสยาห์ได้พยากรณ์ไว้นั้นก็ปรากฏอยู่ในพระธรรมมัทธิวและลูกาในบทที่ 1 และ 2 ทุกอย่างสำเร็จตามการเผยพระวจนะนั้น

ข้าพเจ้าหวังเป็นอย่างยิ่งว่าท่านผู้อ่านผู้ทรงเกียรติทั้งหลายคงไม่ลืมความหมายและจุดเริ่มต้นของคริสต์มาส เข้าใจความหมายที่แท้จริงของวันคริสต์มาสครั้งแรกที่เกิดขึ้นเมื่อสองพันกว่าปีมาแล้ว ท่านอยากเป็นคนหนึ่งที่อยู่ในเหตุการณ์ประวัติศาสตร์นั้นหรือเปล่าล่ะ แต่ถึงแม้ว่าท่านจะไม่ได้อยู่ตรงนั้นในคืนวันนั้น ท่านสามารถจะอยู่ในคืนที่เราเฉลิมฉลองเพื่อการรำลึกถึงการเสด็จเข้ามาในโลกอย่างต่ำต้อยของพระเยซูได้ และขอให้ท่านมีของขวัญเพื่อให้มากกว่าของขวัญที่ได้รับมา ท่านเตรียมอะไรให้ใครบ้างหรือยัง หรือท่านคาดหวังว่าจะได้รับอะไรจากใครบ้างในปีนี้

ข้าพเจ้าอยากจะแบ่งปันสิ่งดีๆที่ได้มาจากภาพยนตร์ตอนหนึ่งที่ข้าพเจ้าดูทางทีวี ผู้หญิงคนหนึ่งได้มอบของขวัญที่ยอดเยี่ยมที่สุดให้แก่ครอบครัวหนึ่งที่หัวหน้าครอบครัวทำให้ลูกชายคนเดียวของเธอเสียชีวิต ของขวัญชิ้นนั้นคือ ‘การให้อภัย’ ปกติการให้อภัยก็ไม่ใช่เรื่องที่ทำได้ง่ายๆอยู่แล้ว แต่การให้อภัยคนที่เป็นเหตุให้ลูกชายซึ่งเรามีอยู่คนเดียวและยังเป็นเด็กหนุ่มที่มีอนาคตที่ดีรออยู่ข้างหน้านั้นคงเป็นเรื่องเหนือบ่ากว่าแรงและไม่น่าจะทำได้ ครอบครัวนี้มีลูกชาย 2 คนและลูกสาวหนึ่งคน แต่ลูกชายคนหนึ่งมีอาการทางประสาทตั้งแต่กำเนิดคือ ชักกระตุกและไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ จึงเป็นตัวตลกในหมู่เพื่อนและคนที่ได้พบเห็นอยู่เป็นประจำ และมักจะถูกรังแกอยู่บ่อยๆ วันหนึ่งในวันก่อนวันคริสต์มาสพ่อลูกไปซื้อของที่ร้านขายของชำแห่งหนึ่ง และเด็กหนุ่มคนหนึ่งก็เห็นเด็กชายคนนี้มีท่าทางแปลกๆ จึงอยากจะเข้ามาแหย่เล่น และในที่สุดก็นำไปสู่การวิวาทกัน ด้วยความรักลูกผู้เป็นพ่อจึงเข้าปกป้องลูกและเกิดการชกต่อยกันขึ้น เด็กหนุ่มคนนั้นล้มลงจากแรงกระแทกของหมัดของชายคนนั้นหัวไปกระแทกกองสัมภาระที่กองอยู่บนพื้น และเสียชีวิตในที่สุด แม้ว่าชายคนนี้จะเข้าไปรับโทษอยู่ในคุกแล้วก็ตาม แต่ผู้เป็นแม่ที่ต้องเสียลูกชายไปก็ยังไม่พอใจและถือโทษโกรธมาโดยตลอด วันหนึ่งมีผู้มาปลอบใจเธอว่าเธอจะขาดสันติสุขไปตลอดชีวิตถ้ายังเก็บความเจ็บปวดนั้นไว้ในใจ ทำไมจึงไม่ปลดปล่อยตัวเองจากคุกมืดในใจของเธอเสียที เพราะถึงอย่างไรลูกชายของเธอก็กลับมาหาเธอไม่ได้อีกแล้ว และแนะนำให้เธอไปบริจาคของขวัญวันคริสต์มาสให้แก่ลูกทั้งสามคนของชายคนที่เอาชีวิตของลูกชายไป เธอปฏิเสธเสียงแข็งว่าครอบครัวนี้ไม่สมควรจะได้รับสิ่งดีๆแบบนี้ แต่แล้วหลังจากที่นำข้อเสนอไปใคร่ครวญดู ในที่สุดประตูบ้านของครอบครัวที่ขาดผู้นำก็ดังขึ้น เมื่อไปเปิดประตูก็เห็นผู้หญิงคนนั้นถือกล่องของขวัญมาสามกล่อง และบอกว่าขอมอบของขวัญเหล่านี้ให้แก่เด็กๆแทนพ่อของพวกเขาที่รับโทษอยู่ในคุก ไม่ต้องมีการอธิบายมากไปกว่านี้ เพราะการกระทำย่อมดังกึกก้องกว่าคำพูดอยู่แล้ว ผู้ให้ก็ให้ด้วยน้ำตาแห่งการให้อภัย ส่วนผู้รับก็รับด้วยน้ำตาแห่งการปลดปล่อยที่รู้ว่าการกระทำด้วยความรักที่มีต่อลูกและเป็นเหตุทำให้เกิดการสูญเสียชีวิตของผู้อื่นนั้นได้รับการอภัยแล้ว แม้ว่าเรื่องนี้จะจบลงด้วยน้ำตา แต่ก็เป็นน้ำตาแห่งความชื่นชมยินดี เป็นของขวัญที่ยอดเยี่ยมที่สุดแห่งปีทั้งสำหรับผู้ให้และผู้รับ

ท่านล่ะ เตรียมของขวัญชิ้นเยี่ยมไว้ให้ใครหรือยัง และอย่าลืมของขวัญสำหรับเจ้าของวันเกิดในวันคริสต์มาสด้วยล่ะ!

สิธยา คูหาเสน่ห์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น