1/10/51

มิติแห่งการให้

พริบตาเดียวเดือนธันวาคมก็มาเยือนแล้ว นอกจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงเป็นเย็นสบายขึ้นแล้ว สิ่งที่มาพร้อมกับเดือนนี้ก็คือวิญญาณแห่งการให้ ผู้คนเริ่มวางแผนในการจับจ่ายซื้อของเพื่อมอบเป็นของขวัญให้แก่กันในช่วงสิ้นปี ของขวัญแต่ละชิ้นถูกบรรจงเลือกและห่อไว้อย่างงดงาม ที่ต้องพิถีพิถันกับกระดาษห่อของขวัญเพราะมันสามารถสร้างความประทับใจแรกเห็นได้ หีบห่อนั้นสามารถบอกอะไรๆ ได้มากพอควรที่บางครั้งอาจถูกมองข้ามไป เพราะนั่นแสดงให้เห็นความตั้งใจและความรักและความปรารถนาดีของผู้ให้ที่จะมอบให้แก่ผู้รับ แต่มันก็เป็นเพียงรูปโฉมภายนอกเท่านั้น สิ่งของที่บรรจุอยู่ภายในต่างหากที่สำคัญกว่า มีความหมายมากกว่า และสร้างความประทับใจมากกว่า สิ่งของที่จะมอบให้นั้นไม่จำเป็นต้องมีราคาแพง มิติแห่งการให้มิได้วัดกันด้วยเงินตรา มิตินี้บอบบางเกินกว่าที่จะแตะต้องด้วยสัมผัสทางกายภาพ แต่ก็ไม่ลึกเกินสัมผัสได้ด้วยใจ

อยากให้ท่านผู้อ่านใคร่ครวญเรื่องราวสั้นๆ ต่อไปนี้ นำไปย่อยและพยายามจินตนาการถึงการให้จากความขาดแคลนของเด็กผู้หญิงเล็กๆ คนหนึ่ง มิติของหนูน้อยงดงาม ล้ำลึก และสัมผัสได้ด้วยสายใยแห่งรัก

มีเรื่องเล่าว่าเด็กผู้หญิงคนหนึ่งถูกคุณพ่อดุเพราะเอาเงินไปซื้อกระดาษห่อของขวัญสีสวยมาแผ่นหนึ่ง ครอบครัวนี้ซึ่งมีกันอยู่สองคนพ่อลูกมีฐานะการเงินที่ไม่มั่นคงนัก ดังนั้นทุกบาททุกสตางค์ที่ใช้ไปต้องแน่ใจว่าเป็นเรื่องจำเป็นเท่านั้น ผู้เป็นพ่อยิ่งหัวเสียมากขึ้นเมื่อเห็นหนูน้อยเอากระดาษแผ่นนั้น (ซึ่งแพงพอสมควร) มาห่อของขวัญกล่องหนึ่ง เช้าวันรุ่งขึ้นซึ่งเป็นวันคริสตมาสหนูน้อยก็นำของขวัญซึ่งเธอบรรจงห่ออย่างสวยงามนั้นไปมอบให้คุณพ่อและกล่าวว่า “สุขสันต์วันคริสตมาสค่ะ คุณพ่อ” ผู้เป็นพ่อรู้สึกตะขิดตะขวงใจและรู้สึกผิดที่ดุลูกสาวเสียยกใหญ่เมื่อวานนี้เพราะไม่รู้ว่าลูกสาวตั้งใจจะมอบของขวัญชิ้นนั้นให้เขา แต่เมื่อเขาแกะกระดาษห่อของขวัญออกและเห็นว่าในกล่องนั้นว่างเปล่า เขาก็ควบคุมอารมณ์โกรธไว้ไม่อยู่และตวาดใส่ลูกสาวตัวน้อยว่า “สาวน้อย ลูกไม่รู้หรือไงว่าเวลาที่เราจะมอบของขวัญให้ใครนั้นต้องมีของอยู่ในกล่องด้วย” หนูน้อยมองหน้าคุณพ่อด้วยดวงตากลมโตที่มีหยาดน้ำตาเอ่อเต็มทั้งสองข้างและพูดขึ้นว่า “คุณพ่อขา มันไม่ใช่กล่องเปล่าอย่างที่คุณพ่อเข้าใจนะคะ ในนั้นมีรอยจูบของหนูอยู่เต็มกล่องเลยล่ะค่ะ”

เมื่อได้ยินเช่นนั้นผู้เป็นพ่อถึงกับอึ้งและดูเหมือนว่าความตื้นตันใจจะท่วมท้นหัวใจจนแทบระเบิด เขาเสียใจมาก เขาคุกเข่าลงและกอดหนูน้อยไว้แนบอกและขอร้องว่าอย่าถือโทษโกรธที่เขาลุแก่โทสะไปเมื่อครู่นี้ หลังจากนั้นไม่นานอุบัติเหตุก็คร่าชีวิตของหนูน้อยคนนั้นไปจากอ้อมอกของผู้เป็นพ่อ กล่าวกันว่าเขาวางกล่องของขวัญนั้นไว้ข้างกายตลอดชีวิตที่เหลืออยู่ของเขา เมื่อไรก็ตามที่เขารู้สึกท้อแท้ใจหรือเหน็ดเหนื่อยจากการงาน เขามักจะเปิดกล่องนั้นออกและจินตนาการว่ามีรอยจูบของลูกสาวอยู่ในนั้น สิ่งนี้เองที่เล้าโลมใจของเขาให้แช่มชื่นขึ้นและจรรโลงชีวิตที่ขาดตกบกพร่องของเขาไว้ตลอดมา

ในโลกแห่งความเป็นจริง ให้เรารู้จักที่จะให้แทนที่จะรอรับฝ่ายเดียว ให้เถอะ แล้วจะรู้ว่าการให้ทำให้สุขใจยิ่งกว่าการรับ ฟังดูเหมือนมีความขัดแย้งอยู่ตรงนี้ แต่สิ่งนี้แหละที่จะสร้างสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ให้เกิดขึ้นในชีวิต

มิติแห่งการให้ นั้นล้ำลึก…น่าค้นหา…น่าเรียนรู้…น่าลิ้มลอง

สิธยา คูหาเสน่ห์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น