10/10/51

พระเจ้าทรงเป็นคำตอบ

หลายครั้งหลายคราในการดำรงชีวิตของเรามักจะพบกับคำถามมากมาย และบ่อยครั้งเราไม่สามารถจะหาคำตอบที่ชัดเจนได้เลย แม้ว่าเราจะใช้เวลาใคร่ครวญอย่างรอบคอบแล้วก็ตาม แต่ท่านทราบหรือไม่ว่ามีอยู่วิธีหนึ่งที่ง่ายๆ และคำตอบที่ได้จะชัดเจนจนปราศจากข้อสงสัยใดๆ ทั้งสิ้น วิธีที่ว่านี้มีข้อแม้อยู่ประการเดียวคือ ต้องเชื่อว่าผู้ที่ท่านนำคำถามไปขอคำตอบนั้นจะช่วยท่านได้จริงๆ แน่นอนข้าพเจ้าหมายถึง พระเจ้าของเรานั่นเอง พระเจ้าทรงเป็นคำตอบเสมอ

ท่านเคยรู้สึกอยากให้มีใครอยู่ใกล้ๆ บ้างหรือไม่เมื่อท่านรู้สึกโดดเดี่ยว เหงา และอยากจะคุยกับใครสักคน ความรู้สึกอย่างนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเวลาที่เราต้องอยู่ตามลำพังเพียงคนเดียวเท่านั้น ท่านเคยรู้สึกแบบนี้ในขณะที่ท่านอยู่ท่ามกลางคนมากมายหรือไม่ ฟังดูค่อนข้างจะเข้าใจยากสักหน่อย ข้าพเจ้าจะขอยกตัวอย่างจากประสบการณ์ส่วนตัวให้ฟัง บางท่านอาจจะเข้าใจดีขึ้นเพราะมีความรู้สึกเช่นนั้นด้วยเหมือนกัน แต่บางคนจะยิ่งสับสนมากขึ้นเพราะวาดภาพไม่ออกเลยว่าเป็นไปได้อย่างไรกัน

ข้าพเจ้ารักทะเลเป็นชีวิตจิตใจ ทุกครั้งที่มีคนชวนไปเที่ยวทะเลมักจะไม่ค่อยพลาด ไม่ได้หมายความว่าข้าพเจ้าชอบเล่นน้ำทะเล บางครั้งเมื่อไปเที่ยวทะเลไม่ได้แม้แต่จะเดินลงไปที่ชายหาดด้วยซ้ำไป แต่ข้าพเจ้าก็พอใจและมีความสุขลึกๆ ในใจ ข้าพเจ้าชอบมองดูทะเล โดยเฉพาะเวลาที่ไม่มีคนเล่นน้ำอยู่และทะเลค่อนข้างสงบ ยามนั้นข้าพเจ้าจะรู้สึกเศร้า ว้าเหว่ และอ้างว้าง แต่ลึกๆ ในใจสุขอย่างไม่สามารถจะอธิบายให้เข้าใจได้ด้วยคำพูด (ถ้าข้าพเจ้าสามารถเล่นดนตรีได้ ความรู้สึกที่ข้าพเจ้าจะถ่ายทอดออกมาเป็นเสียงดนตรีคงสามารถจะสื่อให้เข้าใจความรู้สึกดังกล่าวได้ดีกว่าตัวหนังสือ) และมีความรู้สึกเจ็บปวดปนอยู่ด้วย เจ็บปวดกับความผิดพลาดต่างๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิต บางครั้งอยากให้เวลาหมุนกลับมาใหม่แล้วขอทำใหม่อีกครั้ง เคยถามตัวเองว่าถ้าเป็นไปได้จริงๆ จะเลือกวิถีทางใหม่หรือไม่ เคยคุยกับเพื่อนที่เป็นนักเขียนคนหนึ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาบอกว่าถ้าเป็นไปได้จริงๆ คนเราก็จะยังคงเลือกทางเดิมนั่นแหละ จริงล่ะหรือ ข้าพเจ้าไม่มีคำตอบ แต่พระเจ้าทรงเป็นคำตอบ เพราะทุกสิ่งที่เกิดขึ้นกับเราอยู่ในน้ำพระทัยของพระเจ้า

ท่านเคยรู้สึกว่ายิ่งใกล้เวลาที่พระเจ้าจะเสด็จมา มนุษย์ก็ยิ่งแสดงความชั่วร้ายต่างๆ ให้ห็น ข้าพเจ้าจะไม่เสียใจนักถ้าหากว่าเป็นคนที่ยังไม่รู้จักพระเจ้า แต่ที่ข้าพเจ้าเศร้าใจเพราะเป็นคนต่างๆ ที่อ้างว่าเป็นคริสเตียน บางคนยังพูดอีกว่าเป็นคริสเตียนที่กลับใจใหม่แล้วเสียด้วย ข้าพเจ้าไม่ทราบว่าจะมีใครเคยพบคริสเตียนที่อ้างตัวดังกล่าวพูดกับท่านด้วยวาจาที่ไม่ได้มีความรักของพระเจ้าอยู่เลย พูดด้วยท่าทีอย่างที่กล่าวไว้ใน มธ. 15:18 ที่ว่า “แต่สิ่งที่ออกจากปากก็ออกมาจากใจ สิ่งนั้นแหละทำให้มนุษย์เป็นมลทิน” และยังมีการกล่าวโทษผู้อื่นด้วยเป็นนัยว่าตัวเองไม่เคยผิดเลย คงจะลืมพระคำของพระเจ้าที่ว่า “อย่ากล่าวโทษเขา เพื่อพระเจ้าจะไม่ทรงกล่าวโทษท่าน” (มธ. 7:1) แต่พระเจ้าทรงเป็นคำตอบ ให้เพ่งมองที่พระเจ้าแล้วท่านจะยืนหยัดอยู่ได้ในโลกที่เบี้ยวใบนี้

ท่านเคยเห็นพี่น้องคริสเตียนที่พูดสรรเสริญพระเจ้าเสมอ ร้อนรนในการรับใช้พระเจ้า และมักจะถวายเงินในพระราชกิจของพระเจ้าอย่างมากมาย แต่ท่านทราบว่าคริสเตียนคนเดียวกันนั้นไม่ให้โอกาสแก่พี่น้องคริสเตียนคนอื่นที่ด้อยโอกาสกว่าตน ถึงแม้ว่าความช่วยเหลือที่สามารถให้นั้นไม่ได้ยากเย็นหรือก่อความเดือดร้อนเลย แต่การกระทำของเขาหมายถึงความเดือดร้อนแสนสาหัสของพี่น้องคริสเตียนที่เขาปฎิเสธไม่ยอมให้ความช่วยเหลือนั้น ท่านจะทำอย่างไร พระเจ้าทรงเป็นคำตอบ “มีผู้ใดในพวกท่านทนทุกข์หรือ จงให้ผู้นั้นอธิษฐาน” (ยก. 5:13) สิ่งที่ท่านทำได้ดีที่สุดคือหนุนใจให้อธิษฐาน ไม่เพียงแต่อธิษฐานสำหรับตนเองที่จะไม่กล่าวโทษคนอื่น แต่อธิษฐานเผื่อคนนั้นที่ถูกปฎิเสธที่จะพึ่งพระเจ้ามากขึ้นและให้อภัยและสามารถอธิษฐานเผื่อคนที่ข่มเหงเขาด้วย

ท่านเคยมีความรู้สึกไม่อยากไปนมัสการที่คริสตจักรในวันอาทิตย์บ้างหรือไม่ รู้สึกว่าไม่ได้มีความกระตือรือร้นอยากให้ถึงวันอาทิตย์เร็วๆ อย่างที่เคยเป็น และมักจะหาข้ออ้างที่ขาดน้ำหนักในการขาดโบสถ์อยู่บ่อยๆ อาจเป็นเพราะรู้สึกสะดุดกับบางสิ่งบางอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการกระทำหรือคำพูดของสมาชิกบางคน มีคำถามไม่เข้าใจว่าพวกเขาเหล่านั้นทำหรือพูดอย่างนั้นได้อย่างไร เอาพระเจ้าไปไว้ที่ไหน ความรักตามแบบอย่างของพระเยซูคริสต์อันตรธานไปไหน เหลือไว้แต่ความเห็นแก่ตัว ความหยิ่งยโส ความเสแสร้ง ความไม่จริงใจ การรอโอกาสที่จะทำร้ายกันและกัน และที่ร้ายที่สุดมิตรภาพบินหายไป แต่กลับมีความเกลียดชังแบบศัตรูเข้ามาแทนที่ ท่านเคยรู้สึกอย่างนั้นบ้างไหม ท่านทำอย่างไรในสถานการณ์เช่นนี้ คิดว่าคำตอบคงจะแตกต่างกันไป แต่ควรจะมีวิธีสุดท้ายที่ดีที่สุดถ้าทุกคนรู้ว่า พระเจ้าทรงเป็นคำตอบ เราต้องบอกตัวเองว่าเราไม่ได้ไปโบสถ์เพื่อไปพบใครเป็นพิเศษ เราไปเข้าเฝ้าพระเจ้า พระบิดา ต่างหาก ดังนั้นให้เพ่งมองดูที่กางเขน ให้มุ่งไปที่พระเจ้า มิใช่มนุษย์ ท่านเห็นด้วยไหม

ท่านเคยรู้สึกผิดต่อพระเจ้าบ้างไหม ท่านปฎิเสธงานรับใช้ที่ทางคริสตจักรมอบหมายให้เพราะท่านทราบว่าเบื้องหลังการทำงานนั้นไม่โปร่งใสสักเท่าไร แต่ครั้นจะก้มหน้าก้มตาทำงานไปอย่างขาดสันติสุขก็ออกจะเป็นเรื่องยากที่จะทำ ดูเหมือนว่าทางสองแพร่งนี้จะยากต่อการตัดสินใจเสียจริงๆ ทางออกที่ดีที่สุดก็คือ ทูลทุกสิ่งในใจต่อพระองค์ เพราะพระเจ้าทรงเป็นคำตอบ (สดด. 62:8)

ที่กล่าวมาทั้งหมดนั้นมิใช่เป็นประสบการณ์ส่วนตัวของข้าพเจ้าเองทั้งหมด แต่รวบรวมมาจากการสามัคคีธรรมกับพี่น้องคริสเตียนด้วยกัน เหล่านี้เป็นเพียงส่วนน้อยเท่านั้น ท่านทั้งหลายทราบดีว่าความจริงแล้วยังมีข้อเท็จจริงอีกหลายแง่มุม ข้าพเจ้าใคร่ขอวิงวอนท่านทั้งหลายให้ช่วยอธิษฐานเผื่อพี่น้องคริสเตียนด้วยกันมากๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคสุดท้ายดังในยุคนี้ เราจะได้เห็นความบาปอีกมากมายจากพี่น้องคริสเตียนด้วยกันนี่แหละ อย่าเน้นแต่การประกาศนอกคริสตจักรกันอย่างเดียวเลย ขอให้ห่วงใยพี่น้องคริสเตียนในคริสตจักรกันบ้าง ข้าพเจ้าขอวิงวอน

ทุกสิ่งจะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป เพราะพระเจ้าทรงเป็นคำตอบ

สิธยา คูหาเสน่ห์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น