1/10/51

อธิษฐานขออะไร

ปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งที่หล่อเลี้ยงชีวิตคริสเตียนให้เติบโตก็คือ การอธิษฐาน ท่านคิดว่าท่านเข้าใจถ่องแท้หรือยังว่าการอธิษฐานในตัวมันเองหมายถึงอะไร ส่วนมากเวลาที่ท่านอธิษฐานเป็นเวลาที่ท่านอยากขอบางสิ่งบางอย่างจากพระเจ้าเท่านั้นหรือเปล่า บางทีท่านอาจบอกว่าท่านอธิษฐานบ่อยๆ แล้วท่านก็รอคอยคำตอบจากพระเจ้า แต่คำตอบก็ไม่มาสักที ท่านเคยมีประสบการณ์แบบนี้บ้างไหม เมื่อเป็นเช่นนั้นท่านก็ต้องสำรวจแรงจูงใจของการอธิษฐานว่าเป็นการขอผิดหรือเปล่า แต่ท่านก็แน่ใจว่ามันไม่ใช่การขอผิดแน่ๆ แต่ทำไมพระเจ้าทรงไม่ตอบคำอธิษฐานสักทีหนอ บางทีการที่ท่านเห็นว่าไม่มีคำตอบนั้นก็คือคำตอบแล้ว (ฟังดูซับซ้อนซ่อนเงื่อนชอบกล ข้าพเจ้าอยากให้ท่านลองขบคิดสิ่งที่พูดไว้ตรงนี้กับสถานการณ์ในชีวิตของท่านเองเพื่อหาคำตอบเอาเอง)

แต่บางที (เป็นไปได้มาก) การขอของเราเป็นการขอที่ผิดแม้ว่าจะประสงค์ดีก็ตาม เมื่อเป็นเช่นนั้นท่านเคยลองที่จะเปลี่ยนท่าทีในการอธิษฐานเสียใหม่บ้างไหม

ลองหยุดอธิษฐานขอการเพิ่มพูนด้านเงินทองและวัตถุ แต่ให้อธิษฐานขอให้สามารถชื่นชมกับสิ่งที่มีอยู่ จัดการสิ่งเหล่านั้นอย่างชาญฉลาด และใช้มันโดยการให้ด้วยใจกว้างขวาง

ลองหยุดอธิษฐานขอให้พระเจ้าทรงเอาเรื่องร้ายๆ หรือสิ่งรบกวนใจออกไปจากชีวิต แต่ให้อธิษฐานขอความอดทนและการรู้ว่าพระคุณของพระเจ้านั้นเพียงพอสำหรับทุกสิ่ง

ลองอธิษฐานเพื่อสุขภาพและความสำเร็จให้น้อยลง แต่อธิษฐานขอให้เกิดความพอใจ ความปีติยินดี และความกล้าที่จะรับมือกับเรื่องต่างๆ ในชีวิต

ฯลฯ

แน่นอนพระเจ้าทรงมีน้ำพระทัยให้เราอธิษฐานขออาหารประจำวันและให้พ้นจากการทดลอง (การอธิษฐานตามคำอธิษฐานที่พระเยซูคริสต์ตรัสสอน) แต่แม้แต่องค์พระเยซูคริสต์เองยังอธิษฐานว่า “ขอให้เป็นไปตามน้ำพระทัยของพระองค์” แล้วเราล่ะ ทำไมไม่อธิษฐานขอให้เป็นไปตามน้ำพระทัยของพระองค์บ้าง เราอยากให้เป็นไปตามใจปรารถนาของเราเองเสียทุกเรื่อง ลองดูนะ คำอธิษฐานที่ท่านยังไม่ได้รับคำตอบ ลองเปลี่ยนท่าทีเสียใหม่ และอธิษฐานมอบทุกเรื่องไว้กับพระเจ้า และให้เป็นไปตามน้ำพระทัยของพระองค์ คำตอบจะมาอย่างแน่นอน

เมื่อเปโตรกับยอห์นถูกเรียกตัวไปอยู่ต่อหน้าผู้นำทางศาสนาของกรุงเยรูซาเล็มในยุคแรก และถูกสั่งห้ามมิให้พูดหรือประกาศเกี่ยวกับพระเยซูในเมืองนั้น และถูกขู่ว่าจะเกิดเรื่องร้ายต่อพวกเขาแน่ถ้าไม่หยุด แล้วก็ถูกปล่อยตัวไป เมื่อทั้งสองคนกลับไปหาพวกพ้องของตนก็เล่าทุกอย่างให้พวกเขาฟัง แล้วก็พร้อมใจกันอธิษฐานว่า “บัดนี้พระองค์เจ้าข้า ขอโปรดทอดพระเนตรการขู่ของเขาและโปรดประทานให้ ผู้รับใช้ของพระองค์กล่าวถ้อยคำของพระองค์ด้วยใจกล้า” ถ้าเป็นท่านจะอธิษฐานอย่างไรเมื่อตกอยู่ในสถานการณ์แบบเดียวกัน

ท่านจะขอให้ผู้มีอำนาจล่าถอยไป หรือขอการคุ้มครองจากพระเจ้า หรือขอการทรงเรียกให้ไปทำงานรับใช้ด้านอื่น ข้าพเจ้าไม่ทราบว่าท่านจะขออะไร แต่สำหรับข้าพเจ้าและอีกหลายคนอาจขอเช่นนั้นกระมัง

แต่คนเหล่านั้นมิได้ขอการคุ้มครองจากพระเจ้าและก็ไม่ใช่งานรับใช้ด้านอื่น แต่เป็นการขอความกล้าที่จะพูดเรื่องราวที่พระเยซูทรงเล่าให้พวกเขาฟัง เพื่อให้คนอีกมากหลายได้ยินได้ฟังเรื่องราวเหล่านั้น และได้ความรอด

ท่านคิดว่าพร้อมที่จะลองเปลี่ยนท่าทีการอธิษฐานเสียใหม่หรือยัง ท่านลองรวบรวมความกล้าทำดูสิ แล้วท่านจะพบว่าคำตอบที่รอคอยมานานแสนนานนั้นที่แท้ก็อยู่ใกล้แค่เอื้อมเท่านั้นเอง (ข้าพเจ้ายืนยันได้!)


สิธยา คูหาเสน่ห์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น