9/10/51

ทารกคนหนึ่ง

มีเรื่องเล่าว่า ครั้งหนึ่งมีทารกน้อยคนหนึ่งพร้อมที่จะถือกำเนิดมาในโลกมนุษย์แล้ว

วันหนึ่งทารกน้อยจึงทูลถามพระเจ้าว่า “พระเจ้าข้า ข้าพระองค์รู้มาว่าพระองค์จะส่งข้าพระองค์ไปเกิดในวันพรุ่งนี้แล้ว ข้าแต่พระเจ้า แล้วข้าพระองค์จะมีชีวิตอยู่ได้อย่างไรกันในเมื่อข้าพระองค์ตัวเล็กขนาดนั้น และก็ยังช่วยตัวเองไม่ได้เลย”

พระเจ้าทรงทูลตอบว่า “อย่าห่วงไปเลย เด็กเอ๋ย เราได้เลือกทูตสวรรค์องค์หนึ่งให้ไปคอยคุ้มครองเจ้าแล้ว”

ทูตสวรรค์องค์นั้นจะคอยดูแลเอาใจใส่เลี้ยงดูเจ้าอย่างดีที่สุด เจ้าสบายใจได้เลยล่ะ”

ทารกน้อยนั้นก็ทูลตอบพระเจ้าอีกว่า “แต่ข้าพระองค์ไม่ต้องทำอะไรเลยนะเมื่ออยู่บนสวรรค์นอกจากยิ้มอย่างร่าเริงและร้องเพลงสรรเสริญพระองค์ทุกๆวัน และนั่นเป็นความสุขของข้าพระองค์”

“เจ้าจะได้ยินเสียงทูตสวรรค์องค์นั้นร้องเพลงให้เจ้าฟังด้วยใบหน้ายิ้มแย้มทุกวัน แล้วเจ้าจะสามารถสัมผัสกับความรักและความอบอุ่นจากทูตสวรรค์องค์นั้น และเจ้าจะมีความสุขอย่างยิ่ง” นั่นเป็นคำตอบจากพระเจ้า

ทารกนั้นยังมีคำถามต่อไปอีกว่า “พระเจ้าข้า แล้วข้าพระองค์จะเข้าใจได้อย่างไรเมื่อมีคนพูดกับข้าพระองค์ ในเมื่อข้าพระองค์ไม่รู่จักภาษาที่เขาใช้พูดกันบนโลกมนุษย์เลยสักคำ”

พระเจ้าทรงทูลตอบว่า “อย่าต้องกังวลใจไปเลย ทูตสวรรค์องค์นั้นจะพูดกับเจ้าด้วยถ้อยคำไพเราะอ่อนหวานที่สุดที่เจ้าไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยทีเดียว และทูตสวรรค์องค์นั้นจะสอนให้เจ้าพูดด้วยความรักและความอดทนเป็นเลิศ”

ทารกนั้นจึงแหงนหน้าขึ้นมองพระเจ้าและถามว่า “พระเจ้าข้า ถ้าข้าพระองค์ต้องการจะพูดกับพระองค์ล่ะ ข้าพระองค์จะต้องทำอย่างไร”

พระเจ้าทรงแย้มสรวลที่ทารกน้อยนั้นทูลถามเช่นนั้น และทรงทูลตอบว่า “ทูตสวรรค์องค์นั้นก็จะสอนเจ้าให้พนมมือและสอนเจ้าให้อธิษฐานเมื่อเจ้าาต้องการพูดกับเราไงล่ะ”

แล้วสันติสุขก็แผ่ไปทั่วสวรรค์ชั้นฟ้าในวินาทีนั้นเอง และสรรพเสียงบนแผ่นดินโลกก็ได้ยินไปทั่วทุกหนทุกแห่ง

ทารกนั้นรีบทูลถามพระเจ้าอย่างแผ่วเบาเป็นครั้งสุดท้ายว่า “โอ พระเจ้าข้า ขอทรงโปรดบอกชื่อของทูตสวรรค์องค์นั้นหน่อย พระเจ้าข้า เพราะข้าพระองค์จะต้องไปแล้ว”

พระเจ้าทรงทูลตอบอย่างอ่อนโยนว่า “ชื่อของทูตสวรรค์องค์นั้นไม่ได้สลักสำคัญอะไรหรอก...เจ้าจะเรียกทูตสวรรค์องค์นั้นว่า แม่ “

ในขณะที่ข้าพเจ้ากำลังอ่านข้อความนี้ซึ่งมีคนส่งมาให้ทางจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ ก็ใจจดใจจ่อว่าเมื่อไรจะได้รู้ชื่อทูตสวรรค์องค์นั้นเสียทีนะ แต่เมื่อมาถึงตอนจบและรู้ว่าแท้จริงแล้วทูตสวรรค์องค์นั้นก็คือ แม่ ของเรานั่นเอง ข้าพเจ้าก็รู้สึกตื้นตันและคิดว่าคนที่คิดเค้าโครงเรื่องนี้ขึ้นมาช่างวิเศษจริงๆ คำว่า แม่ มีความหมายกว้าง ยาว และลึกเกินกว่าที่สามารถจะบรรยายออกมาเป็นตัวอักษรได้ว่ามีความหมายสำหรับคนที่เป็นลูกอย่างไรและมากแค่ไหน เพราะสำหรับเด็กๆแล้วแม่เป็นโลกของพวกเขา มีแม่ก็เหมือนกับมีทุกสิ่ง ไม่มีความกลัว ไม่ต้องวิตกกังวล เพราะแม่เป็นคำตอบสำหรับทุกสิ่ง แม่ยู่ที่นั่นเสมอเมื่อลูกต้องการ แม่ไม่เคยปฏิเสธเมื่อลูกขอสิ่งใด แม่ให้อภัยลูกได้เสมอ ไม่เคยจดจำความผิด และพร้อมที่จะเป็นกำลังใจให้ลูกต่อสู้ต่อไป เมื่อลูกล้มไม่เคยซ้ำเติม และมีความรักที่ไม่มีวันเหือดแห้งสำหรับลูกเสมอ

ตามหลักจิตวิทยาแล้ว เขากล่าวกันว่าคนมักจะกลัวความเปลี่ยนแปลง เรามักจะชินกับสิ่งแวดล้อมและสถานการณ์หรือการใช้ชีวิตแบบเดิมๆ ไม่กล้าที่จะเปลี่ยนแปลวตัวเองแม้ว่าสิ่งนั้นจะทำให้เรามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นก็ตาม เราไม่กล้าที่ยกเท้าของเราก้าวออกไปจากสิ่งเดิมๆ ก้าวแรกนั้นสำหรับบางคนอาจไม่เคยเกิดขึ้นเลยก็ได้ สำหรับบางคนอาจใช้เวลาในการตัดสินใจไม่นานนัก แต่สำหรับบางคนอาจต้องชั่งใจอยู่นานโขทีเดียว

ที่แน่ๆเมื่อเราตัสินใจต้อนรับพระเยซูคริสตเจ้าให้เป็นพระผู้ช่วยให้รอดของเรา จะมีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นมากมายในชีวิตของเรา เราไม่ต้องกลัวเพราะพระองค์จะทรงอยู่เคียงข้างเราเสมอ ดังนั้น ก้าวแรกสำหรับคริสเตียนที่จะมีชีวิตใหม่ในพระคริสต์ก็คงเหมือนกับก้าวแรกสำหรับการเปลี่ยนแปลงที่บางคนกลัวนักกลัวหนา แต่ถ้าท่านยอมมอบตัวเองให้กับพระคริสต์และต้อนรับพระองค์เข้ามาในจิตใจของท่าน ก้าวแรกของท่านจะเป็นก้าวที่มั่นคงและหนักแน่น คิดว่าหลายคนได้ผ่านก้าวแรกนั้นมาแล้ว สำหรับบางคนที่ยังไม่กล้าก้าวออกมา อย่ากลัวเลย ขอให้พระเจ้าทรงช่วยท่าน แล้วท่านจะก้าวออกมาอย่างมั่นใจ

ดังนั้น ทารกน้อยคนนี้จึงกลัวที่จะต้องไปอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ต่างไปจากเดิม จึงมีคำถามมากมายที่ทูลถามพระเจ้า เพื่อให้มั่นใจว่าจะมีความปลอดภัยและความสุขที่ไม่ต่างจากเมื่อตอนที่อยู่กับพระเจ้าในสวรรค์

แต่ยังมีทารกคนหนึ่งที่แม้รู้ว่าเมื่อพระบิดาทรงใช้ไปทำกิจการอันยิ่งใหญ่บนแผ่นดินโลกและจะต้องละสภาพพระเจ้าและทุกสิ่งที่มีอยู่ในสวรรค์ เพื่อไปทนทุกข์ทรมานบนแผ่นดินโลก และในที่สุดต้องตายเพื่อเป็นค่าไถ่คนบาปทั้งหลาย ก็มิได้หวาดหวั่นแต่อย่างใด และเพราะความกล้าหาญและเด็ดเดี่ยวของทารกคนนี้นี่เองที่ทำให้ความบาปทั้งสิ้นของเราได้รับการอภัย ได้รับชีวิตใหม่ และเป็นคนใหม่พร้อมด้วยใจใหม่ ขอให้เราจงนมัสการและสรรเสริญพระนามอันยิ่งใหญ่ของทารกคนนี้กันเถิด นั่นคือ องค์พระเยซูคริสตเจ้า พระผู้ช่วยให้รอดของเรา นั่นเอง

สภาพปัจจุบันของเราเป็นของขวัญจากพระเจ้า
สภาพอนาคตเป็นของขวัญที่เราจะมอบให้กับพระองค์

ท่านคิดว่าจะมอบอะไรให้เป็นของขวัญสำหรับพระเจ้า คิดไว้หรือยัง

A holy child is born today
Descend His Divine nature from heaven;
Clothe in humanity here on earth
He is none but our Savior, our God.

สิธยา คูหาเสน่ห์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น