ข้าพเจ้าเชื่อแน่ว่าคนในยุคนี้คงรู้จักบริการดิลิฟเวอรี่เป็นอย่างดีกันแทบทุกคน (เพราะคนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ห่างไกลซึ่งบริการนี้ไปไม่ถึงคงยังไม่รู้จัก) เราคงต้องยอมรับว่าบริการนี้ให้ความสะดวกสบายแก่ชีวิตที่ผูกติดกับงานเสียจนแทบจะหาความหมายของคำว่า ‘ชีวิต’ ไม่พบเสียแล้ว เวลารับประทานอาหารหรือแม้กระทั่งเวลาพักผ่อนดูจะมิได้รวมอยู่ในตารางการใช้ชีวิตประจำวันเสียแล้ว เช่นนั้น ในช่วงเวลาทำงานการออกไปหาอาหารใส่ท้องในตอนพักเที่ยง (หรือมื้อเย็นในวันที่ต้องทำงานจนดึก) จึงเป็นการเสียเวลางานไปไม่น้อย ดังนั้น การพึ่งบริการดิลิฟเวอรี่จึงให้ประโยชน์มากโข ขณะนี้คำว่า ‘ดิลิฟเวอรี่’ จึงถูกนำมาประยุกต์ใช้กับการให้บริการในด้านอื่นๆ อีกมากมายหลายอย่าง
‘ดิลิฟเวอรี่’ นอกจากหมายถึงการส่งสินค้าจากผู้ขายไปยังผู้ซื้อแล้ว คำนี้ยังใช้ในแง่อื่นอีก ข้าพเจ้าจึงขอพูดถึงแง่อื่นๆ บ้าง เช่น การนำส่ง การส่ง การส่งสาร ที่ข้าพเจ้ายกแง่มุมเหล่านี้ขึ้นมาพูดก็เพื่อนำเข้าไปสู่บริบทการประกาศข่าวประเสริฐ การนำข่าวดี การส่งสารเกี่ยวกับความรอด เพราะเราทั้งหลายเป็นผู้เชื่อ เป็นสาวกของพระคริสต์ เป็นผู้ที่รอดแล้วโดยพระคุณของพระเจ้า มีหน้าที่ที่จะต้องป่าวประกาศเรื่องความรอดแก่ผู้ที่ยังไม่เคยได้ยินข่าวสารนี้
ที่เรารอด เพราะเรารู้ว่าพระเจ้าทรงประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์มาตายบนกางเขนแทนคนบาปทุกคนในโลกนี้ เราเชื่อและเรายอมรับพระบุตรของพระเจ้าซึ่งก็คือพระเยซูคริสต์เป็นพระผู้ช่วยให้รอดของเรา (เพื่อทุกคนที่วางใจในพระองค์จะได้ชีวิตนิรันดร์ เพราะว่าพระเจ้าทรงรักโลกจนได้ทรงประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์เพื่อทุกคนที่วางใจในพระบุตรนั้นจะไม่พินาศแต่มีชีวิตนิรันดร์ เพราะว่าพระเจ้าทรงให้พระบุตรเข้ามาในโลกมิใช่เพื่อพิพากษาลงโทษโลกแต่เพื่อช่วยกู้โลกให้รอดโดยพระบุตรนั้น … ยอห์น 3:15-17)
ที่เรารู้ เพราะเราได้ยินข่าวประเสริฐเรื่องการช่วยกู้ให้รอด มีคนนำข่าวดีนี้มาบอกให้เรารู้ ข่าวสารเรื่องความรอดถูกนำส่งมาถึงเรา (ฉะนั้นความเชื่อเกิดขึ้นได้ก็เพราะการได้ยินและการได้ยินเกิดขึ้นได้ก็เพราะการประกาศพระคริสต์…โรม 10:17)
ที่คนเหล่านั้นนำข่าวดีมา เพราะพวกเขาทำตามพระมหาบัญชาขององค์พระผู้เป็นเจ้าที่ตรัสและถูกบันทึกไว้ในพระธรรมมัทธิว 28:19 ว่า เหตุฉะนั้นเจ้าทั้งหลายจงออกไปสั่งสอนชนทุกชาติให้เป็นสาวกของเราให้รับบัพติศมาในพระนามแห่งพระบิดา พระบุตร และพระวิญญาณบริสุทธิ์ สอนเขาให้ถือรักษาสิ่งสารพัดซึ่งเราได้สั่งพวกเจ้าไว้ นี่แหละเราจะอยู่กับเจ้าทั้งหลายเสมอไปจนกว่าจะสิ้นยุค นั่นเองที่ทำให้ข่าวดีถูกนำส่งต่อไปเรื่อยๆ เป็นการส่งต่อที่มีคนรับช่วงต่อๆ ไปเสมอ การนำส่งจะดำเนินอย่างต่อเนื่องไปจนกว่าจะสิ้นยุค
เพราะพระเจ้าทรงรักโลก คือ มนุษยโลก นั่นเอง พระเจ้าจึงทรงนำส่งพระบุตรองค์เดียวของพระองค์มาให้แก่โลกที่ล้มลงในความบาป กบฎต่อพระองค์ ปฏิเสธพระองค์ เมินไม่ใยดีต่อความรักของพระองค์ ตามืดบอดมองไม่เห็นพระคุณของพระองค์ และยังมีคนอีกมายมายที่ยังไม่ได้รับของขวัญชิ้นยอดเยี่ยมที่สุดนี้ที่พระเจ้าทรงประทานมาให้เพราะยังขาดคนนำส่ง
ถ้าเช่นนั้น เราทั้งหลายจึงควรที่จะนำส่งของขวัญชิ้นนี้ให้ถึงที่ ให้บริการดิลิฟเวอรี่แก่ผู้คนทั้งหลายที่ยังไม่รู้จักพระผู้ช่วยให้รอดของเขา ผู้คนที่ยังไม่ได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับพระบุตรที่พระเจ้าทรงยอมสละเพื่อไถ่บาปคนทั้งปวง เพื่อเขาทั้งหลายจะได้รับความรอดและชีวิตนิรันดร์ ถ้าใครยังไม่เคยประกาศข่าวประเสริฐ ยังไม่เคยนำส่งของขวัญแห่งความรอด ข้าพเจ้าใคร่ขอหนุนใจให้เริ่มต้นเสียในช่วงเทศกาลแห่งการให้ที่กำลังจะมาถึงนี้ นั่นคือ คริสตมาส ซึ่งเป็นที่เข้าใจของคนทั้งโลกว่าเป็นการเฉลิมฉลองวันประสูติขององค์พระเยซูคริสต์ เป็นเทศกาลแห่งความชื่นชมยินดี เป็นช่วงเวลาที่คริสตชนทำกิจกรรมมากมายหลายอย่างเพื่อระลึกถึงการเสด็จเข้ามาในโลกของพระเยซูคริสต์ เป็นการมาที่พระองค์ทรงตระหนักถึงภาระหน้าที่ยิ่งใหญ่ที่พระบิดาทรงมุ่งหมายให้พระองค์ทรงกระทำให้สำเร็จ พันธกิจการช่วยกู้ให้รอดนี้มิได้เป็นภารกิจธรรมดา แต่เป็นการเสียสละยิ่งใหญ่ เพราะพระบุตรที่พระเจ้าทรงประทานมาให้แก่โลกนั้นคือ “ผู้ทรงสภาพของพระเจ้าแต่มิได้ทรงถือว่าการเท่าเทียมกับพระเจ้านั้นเป็นสิ่งที่จะต้องยึดถือ แต่ได้กลับทรงสละและทรงรับสภาพทาส ทรงถือกำเนิดเป็นมนุษย์ และเมื่อทรงปรากฏพระองค์ในสภาพมนุษย์แล้วพระองค์ก็ทรงถ่อมพระองค์ลงยอมเชื่อฟังจนถึงความมรณากระทั่งความมรณาที่กางเขน” (ฟิลิปปี 2:6-8)
คริสตมาสปีนี้ ข้าพเจ้าหวังว่าท่านคงนำข่าวดีหรือของขวัญล้ำค่าไปมอบให้แก่คนที่ยังไม่เคยได้รับของขวัญชิ้นนี้ ขอให้เรานำของขวัญชิ้นเยี่ยมนี้ไปมอบให้แก่คนเหล่านั้น ขอให้ท่านห่อของขวัญด้วยความรักที่ท่านได้รับจากองค์พระผู้เป็นเจ้า กระดาษห่อของขวัญของท่านจะงดงามที่สุดและเป็นกระดาษแผ่นใหญ่ที่ยิ่งตัดใช้ก็ยิ่งยาว หยิบยื่นให้ด้วยใจที่เปี่ยมด้วยความห่วงใยในจิตวิญญาณของเขา นำของขวัญไปมอบให้ถึงมือด้วยมือแห่งการหยิบยื่นความรอด มือของท่านจะไม่มีวันเหนื่อยล้าในการหยิบยื่นความรอดเพราะท่านจะได้รับการเสริมกำลังจากองค์พระผู้เป็นเจ้า
ท้ายสุดนี้ ข้าพเจ้าขอส่งความสุขในวันคริสตมาสและวันปีใหม่ที่จะตามมาติดๆ มาถึงทุกท่าน หากพระเจ้าทรงมีพระประสงค์ เราจะได้พบกันใหม่ในปี 2008
จนกว่าจะได้พบกัน
สิธยา คูหาเสน่ห์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น