19/9/51

พระเจ้าจะรักษาฉันไหม

คำถามข้างต้นนี้เป็นคำถามที่ไม่มีใครตอบได้ พูดอีกนัยหนึ่ง ไม่มีใครตอบได้จุใจคนถาม มันเป็นคำถามที่ตอบยากเท่าๆ กับคำถามที่ว่า ‘พระเจ้าอยู่ไหนยามเมื่อเราปวดร้าวใจ’
เมื่อเราอธิษฐานทูลขอการรักษาจากพระเจ้ายามเจ็บป่วย เรารอคอยคำตอบจากพระองค์ในแบบที่เราต้องการ มิใช่ในแบบที่พระองค์ทรงประสงค์ เรามองหาการหายโรคอย่างอัศจรรย์ เราอยากหายโรคทันที เราอยากหายเป็นปกติ เรารู้สึกเหมือนว่าเราทนทุกข์ทรมานมานานแสนนานแล้ว
เราร้องต่อพระเจ้าว่า “พระองค์จะทรงรักษาข้าพระองค์ไหม พระเจ้าข้า”
ข้าพเจ้าขอยืนยันว่าพระเจ้าทรงรักษา พระองค์ทรงรักษาอย่างแน่นอน ทว่าในวิธีที่เราอาจไม่เข้าใจ ถ้าคนเจ็บตาย จะบอกว่าพระเจ้าทรงรักษาได้ไหม ได้สิ แม้จะเป็นเช่นนั้นก็ตาม พระเจ้าก็ยังทรงรักษาอยู่ดี
การรักษาอาจไม่ใช่ทางกายภาพเสมอไป แม้กระทั่งเมื่อคนๆ หนึ่งกำลังเดินทางไปถึงบทสุดท้ายแห่งชีวิตบนโลกนี้ ข้าพเจ้าก็ยังยืนยันคำพูดเดิมว่า “พระเจ้าทรงรักษา” แม้ว่าผลบั้นปลายมิใช่การหายจากโรคที่เป็นอยู่ แต่ป็นการหลับชั่วนิรันดร์ก็ตามที กระนั้นข้าพเจ้าก็ยังขอพูดว่าพระเจ้าทรงรักษา
  ให้ยอมรับการวินิจฉัยโรคและการพยากรณ์โรคที่บอกว่าโรคที่เป็นอยู่รักษาไม่ได้และจะต้องตาย นั่นเป็นน้ำพระทัยของพระเจ้าจริงๆ ล่ะหรือ 
ข้าพเจ้าไม่รู้ว่ามีพี่น้องในพระคริสต์สักกี่คนที่กำลังปล้ำสู้กับคำถามนี้อยู่ ข้าพเจ้าไม่ทราบว่าความทุกข์ทรมานในการรอคอยคำตอบของท่านจะสาหัสสากรรจ์สักปานใด แต่เท่าที่ข้าพเจ้าเคยเห็นจากพี่น้องที่ป่วยหนักบางคนที่ปล้ำสู้หรือได้ผ่านมันมาแล้วก็คงพอจะรู้ว่ามันหนักเอาการทีเดียว บางคนสงสัยในพระสัญญาของพระเจ้า บางคนต่อว่าพระเจ้า บางคนพึ่งพาคำพูดของคนมากกว่าที่จะพึ่งพิงพระเจ้า กรณีหลังนี้อันตรายอย่างยิ่ง เพราะคำพูดที่คนเจ็บอยากได้ยินคือ ‘คุณจะหายแน่นอน พระเจ้าบอกกับฉันอย่างนั้น’ แต่ก็มีมากมายหลายกรณีที่ไม่หาย ในกรณีเหล่านี้คงเดาไม่ยากว่าความเชื่อของพวกเขาคงกระพร่องกระแพร่งไปบ้าง ข้าพเจ้าอยากหนุนใจว่าอย่าให้คำพูดแบบนั้นออกจากปากมนุษย์เลย ให้พระเจ้าตรัสกับคนที่กำลังมองหาคำตอบเองดีกว่า พระเจ้าทรงมีวิธีของพระองค์ในการสำแดงน้ำพระทัยของพระองค์ให้ปรากฏ 
ข้าพเจ้ามีประสบการณ์ตรงกับพี่น้องคนหนึ่งสำหรับในกรณีหลัง แรกเริ่มพี่น้องคนนี้ถูกวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งเต้านมและจำเป็นต้องตัดเต้านมทิ้ง หลังการผ่าตัดก็ต้องได้รับการรักษาด้วยเคมีบำบัด ข้าพเจ้าได้รับการบอกเล่าว่าพี่น้องคนนี้ทูลขอการรักษาจากพระเจ้าให้หายจากโรคมะเร็ง เธอปล้ำสู้อยู่กับคำถามนี้แหละ “พระองค์จะทรงรักษาฉันไหม” แล้วก็มีเพื่อนคนหนึ่งบอกกับเธอว่าพระเจ้าตรัสบอกกับเขาว่าเธอจะหายแน่นอน แต่มะเร็งร้ายก็ไม่ปรานี แทนที่จะบอกลาร่างกายนี้ไป กลับลุกลามไปยังอวัยวะภายในอื่นๆ อีกอย่างกว้างขวาง จนในที่สุดแพทย์ก็ให้คำพยากรณ์โรคว่าเธอจะมีชีวิตอีกไม่นาน ด้วยเหตุนี้เธอคงหนีไม่พ้นความสงสัยในพระสัญญาของพระเจ้า เธอปล้ำสู้กับพระเจ้าอย่างหนัก ทุกข์ทรมานทั้งกายและจิตใจ แต่ขอบคุณพระเจ้าที่เธอยังรักษาความเชื่อไว้ได้อย่างมั่นคงแม้ว่ากำลังเผชิญความตายอยู่ตรงหน้า เธอยังไม่พร้อมที่จะตาย เธอยังอยากมีชีวิตอยู่ในโลกนี้ต่อไป เธอกลัว…กลัวความเจ็บปวดที่ต้องเผชิญในช่วงสุดท้าย ดังนั้น สงครามฝ่ายเนื้อหนังที่กำลังสู้รบอยู่นั้นน่ากลัวยิ่งนัก เมื่อช่วงเวลาสุดท้ายคืบคลานเข้ามาอย่างช้าๆ มันก็ยิ่งลำบากมากขึ้นที่จะเอาชนะความรู้สึกต่างๆ ที่ประดังเข้ามา แต่อย่างที่ข้าพเจ้าเกริ่นไว้แต่ต้นแล้วว่าพระเจ้าทรงมีวิธีที่จะสำแดงน้ำพระทัยของพระองค์ และมีคำตอบให้ต่อคำถามที่กำลังปล้ำสู้อยู่…ด้วยวิธีของพระองค์
เมื่อข้าพเจ้ารู้ว่าพี่น้องคนนี้กำลังเผชิญอะไรอยู่จึงแนะนำให้สมาชิกคนหนึ่งหาหนังสือชื่อ “พระเจ้าจะรักษาฉันไหม” ให้พี่น้องคนนี้อ่าน ข้าพเจ้าแปลหนังสือเล่มนี้เมื่อหลายปีมาแล้วและรู้ว่าเนื้อหาในนั้นน่าจะเป็นประโยชน์ในการแสวงหาน้ำพระทัยสำหรับพี่น้องคนนี้ และในที่สุดเธอก็ได้พบคำตอบที่ปล้ำสู้มาโดยตลอด ข้าพเจ้าได้รับการบอกกล่าวจากสมาชิกคนเดิมที่หาหนังสือเล่มนั้นให้แก่เธอในพิธีไว้อาลัยพี่น้องคนนี้ว่าเธออ่านหนังสือเล่มนี้มากกว่าหนึ่งเที่ยว (ข้าพเจ้าสรุปเอาเองว่าสองเที่ยวเพราะเธอไม่มีเวลาเหลือให้อ่านมากกว่านั้น) และได้รับรู้ว่าหลังจากที่อ่านหนังสือเล่มนี้แล้วท่าทีของเธอก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เธอสงบและไม่โอดครวญถึงความเจ็บปวดในช่วงสุดท้ายของชีวิตที่ถูกมะเร็งร้ายกัดกินร่างกายของเธอจนอวัยวะภายในบางส่วนหยุดทำงานแล้ว และที่น่าชื่นใจต่อผู้คนรอบข้างและผู้ที่ไปเยี่ยมเยียนก็คือใบหน้าของพี่น้องคนนี้ยังอาบด้วยรอยยิ้ม ยิ่งกว่านั้นยังพูดเล่นได้ ยังมีเสียงหัวเราะให้ได้ยิน 
แม้ในวันสุดท้ายพี่น้องคนนี้ก็ยังรับประทานอาหารได้ พูดคุยอย่างสนุกสนาน และเธอก็เดินทางกลับบ้านในคืนนั้น เธอนอนหลับและไม่ได้ตื่นขึ้นมาในเช้าวันรุ่งขึ้นตามปกติ ข้าพเจ้าไม่อาจรู้ว่าเธอพบคำตอบแบบไหนในหนังสือเล่มนั้น แต่มั่นใจได้ว่าเป็นคำตอบจากพระเจ้าผ่านตัวหนังสือเหล่านั้นอย่างแน่นอน 
พระคุณพระเจ้านั้นแสนชื่นใจจริงๆ 

สิธยา คูหาเสน่ห์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น