25/9/51

พระพรที่มาจากหนาม

เรารู้จักหนามว่าเป็นส่วนแหลมๆ ที่งอกออกจากกิ่งไม้ซึ่งเมื่อถูกตำทีไรก็เจ็บเมื่อนั้น หนามในแง่นี้เป็นทางกายภาพ แต่หนามในเนื้อหรือจิตวิญญาณของเรานั้นหมายถึง อุปสรรค ขวากหนาม ความยุ่งเหยิง ความเจ็บปวด ความปวดร้าวใจ ความขมชื่น ... หนามในแง่นี้เป็นทางจิตภาพ หนามที่เห็นได้ด้วยตานั้นทิ่มเนื้อตำกาย แต่หนามที่รับรู้ด้วยจิตนั้นทิ่มจิตแทงใจ มันเป็นเครื่องเตือนใจให้เรามีสติอยู่เสมอ มันเป็นสิ่งที่จะอยู่กับเรา ในจิตสำนึกของเรา 
แซนดรารู้สึกย่ำแย่เป็นที่สุดในขณะที่เธอเดินฝ่าลมที่พัดแรงในเดือนพฤศจิกายนผ่านหน้าร้านขายดอกไม้แห่งหนึ่ง ชีวิตของเธอราบรื่นมาโดยตลอดจนกระทั่งเธอตั้งครรภ์ลูกคนที่สองได้สี่เดือน เธอก็ประสบอุบัติเหตุและความสุขในชีวิตของเธอก็โบยบินหายไปพร้อมกับเหตุการณ์ในครั้งนั้น มิเช่นนั้นเธอคงจะให้กำเนิดลูกชายในช่วงวันขอบพระคุณพระเจ้า เธอโศกเศร้ายิ่งนักกับการสูญเสียในครั้งนี้ ราวกับว่าเธอยังทุกข์ใจไม่มากพอ บริษัทที่สามีของเธอทำงานอยู่จะต้องย้ายไปยังทำเลใหม่ ซ้ำร้ายกว่านั้นน้องสาวของเธอซึ่งมาเยี่ยมเธอเป็นประจำในช่วงนี้ก็โทรศัพท์มาบอกว่ามาไม่ได้เสียแล้วในปีนี้ ยิ่งกว่านั้นเพื่อนๆ ของเธอยังทำให้เธอขุ่นเคืองใจมากขึ้นโดยบอกเป็นนัยว่าความทุกข์ของเธอนั้นเป็นเส้นทางที่พระเจ้าทรงมุ่งหมายไว้เพื่อให้เธอเติบโตขึ้นและสามารถแบ่งปันประสบการณ์ของเธอผ่านความทุกข์ยากเหล่านั้นด้วยความเห็นอกเห็นใจกับผู้อื่นที่ทนทุกข์ทรมานในแบบเดียวกัน แต่เธอกล่าวอย่างไม่ยี่หระว่า “เธอไม่รู้หรอกว่าฉันกำลังรู้สึกอย่างไร” 
เธอถามตัวเองดังๆ อย่างคลางแคลงใจว่าขอบพระคุณพระเจ้าหรือ ขอบคุณสำหรับอะไรกันเล่า สำหรับคนขับรถบรรทุกที่ถอยหลังมาชนเธอและทำให้เธอต้องเสียลูกไป แต่รถของเขาแทบไม่เสียหายอะไรเลย กระนั้นหรือ สำหรับถุงลมนิรภัยที่ช่วยรักษาชีวิตของเธอไว้ได้ แต่ไม่สามารถรักษาชีวิตของลูกน้อยของเธอ กระนั้นหรือ 
พนักงานในร้ายขายดอกไม้ถามเธอว่า “สวัสดีค่ะ จะให้ช่วยอะไรได้บ้างคะ” เธอตกใจเพราะมัวไปคิดคำนึงถึงความสูญเสียของตัวเอง เธอตอบตะกุกตะกักว่า “ฉัน … เออ … อยากได้ดอกไม้สักช่อ” “คุณอยากได้ช่อดอกไม้ที่สวยงามแต่เป็นแบบธรรมดา หรือว่าอยากได้ช่อพิเศษสำหรับเทศกาลขอบพระคุณพระเจ้าของร้านของเราซึ่งดิฉันเรียกว่า ช่อพิเศษสำหรับวันขอบพระคุณพระเจ้าคะ” พนักงานคนนั้นถามแซนดรา “ดิฉันแน่ใจว่าช่อพิเศษนั้นบอกเรื่องราวได้อย่างแน่นอน”
การสนทนาดำเนินต่อไป “คุณกำลังหาดอกไม้ที่จะใช้แสดงถึงการขอบพระคุณพระเจ้าหรือคะ” “ไม่เชิงนัก ในช่วงห้าเดือนที่ผ่านมา อะไรๆ ที่ไม่ดีที่อาจเกิดขึ้นก็เกิดขึ้นแล้ว” แซนดรากล่าวอย่างเศร้าๆ แต่ก็ต้องแปลกใจเป็นอย่างมากเมื่อพนักงานคนนั้นบอกว่า “ดิฉันจะจัดดอกไม้ช่อพิเศษสุดให้ค่ะ” 
ระฆังหน้าประตูดังขึ้น และพนักงานก็กล่าวต้อนรับลูกค้าคนใหม่ที่เข้ามา “สวัสดีค่ะ คุณบาร์บารา ดิฉันจะจัดดอกไม้ตามที่สั่งไว้ค่ะ” เธอกล่าวขอตัวอย่างสุภาพและเดินหายเข้าไปในห้องเล็กๆ ห้องหนึ่ง สักครู่ก็กลับออกมาพร้อมกับช่อดอกกุหลาบที่มีแต่ก้านเท่านั้น ทุกก้านไม่มีดอกกุหลาบแสนสวยติดอยู่ที่ปลายก้าน แล้วถามลูกค้าอย่างสุภาพว่า “จะให้บรรจุลงกล่องมั้ยคะ” 
แซนดราคอยดูว่าลูกค้าจะมีปฏิกิริยาอย่างไรเมื่อเห็นช่อก้านกุหลาบ นี่เขากำลังเล่นตลกกันหรืออย่างไร ใครจะอยากได้แต่ก้านกุหลาบเท่านั้น แซนดรารอฟังเสียงหัวเราะจากหญิงสาวทั้งสองคน แต่เธอไม่ได้ยินเสียงหัวเราะเลย บาร์บาราตอบว่า “ดีค่ะ” พร้อมกับยิ้มอย่างขอบคุณในการบริการที่ดีเยี่ยมของพนักงานคนนั้น แล้วก็พูดว่า “คุณคงคิดว่าหลังจากที่ฉันซื้อดอกไม้ช่อพิเศษจากคุณไปสามปีแล้ว ฉันคงไม่รู้สึกสะเทือนใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วล่ะสิ แต่ฉันยังรู้สึกได้ตรงนี้เหมือนมันเพิ่งเกิดขึ้นใหม่ๆ” เธอแตะเบาๆ ตรงหน้าอก
แซนดราตะกุกตะกักถามขึ้นว่า “เอ่อ … สุภาพสตรีคนนั้นเพิ่งมาซื้อก้านกุหลาบไปช่อหนึ่ง … เอ่อ … ใช่มั้ยคะ” “ค่ะ ดิฉันตัดดอกกุหลาบออก ดิฉันเรียกช่อนั้นว่า ช่อหนามแห่งการขอบพระคุณ” “อย่าพูดเล่นอยู่เลย ใครจะยอมจ่ายเงินซื้อช่อก้านกุหลาบที่ไม่มีดอกกุหลาบเลยสักดอก” แซนดราอุทานเสียงดัง
พนักงานคนนั้นอธิบายให้แซนดราฟังว่า “เมื่อสามปีก่อน บาร์บาราเดินเข้ามาในร้านนี้พร้อมกับความรู้สึกที่ไม่ต่างไปจากที่คุณกำลังรู้สึกอยู่ในตอนนี้ เธอคิดว่าเธอไม่รู้ว่าจะขอบพระคุณพระเจ้าเรื่องอะไรดี โรคมะเร็งได้คร่าชีวิตของคุณพ่อของเธอไป ธุรกิจครอบครัวก็กำลังล่มจม ลูกชายพัวพันกับยาเสพติด และเธอต้องได้รับการผ่าตัดใหญ่” เธอเล่าต่อว่า “ในปีเดียวกันนั้นเอง ตัวดิฉันสูญเสียสามีไป และเป็นครั้งแรกที่ต้องขอบพระคุณพระเจ้าตามลำพัง ดิฉันไม่มีลูก ไม่มีสามี ครอบครัวก็อยู่ไกล และมีหนี้สินมากเกินกว่าที่จะสามารถเดินทางไปมาหาสู่กันได้” 
แซนดราถามว่า “แล้วคุณทำอะไรบ้าง เธอตอบเบาๆ ว่า “ดิฉันเรียนรู้ที่จะขอบพระคุณสำหรับหนามต่างๆ ในชีวิต ดิฉันขอบพระคุณพระเจ้าเสมอๆ สำหรับสิ่งดีๆ ในชีวิต และไม่เคยคิดที่จะถามพระเจ้าเลยว่าทำไมจึงมีสิ่งดีๆ เกิดขึ้นในชีวิต แต่เมื่อเจอมรสุมชีวิต ดิฉันไม่รีรอที่จะถามพระองค์ ดิฉันค่อยๆ เรียนรู้ว่าช่วงยากลำบากก็สำคัญ ดิฉันชื่นชม ‘ดอกไม้’ แห่งชีวิต แต่ดิฉันเห็นความยอดเยี่ยมแห่งพระคุณของพระเจ้าด้วยหนามต่างๆ คุณรู้ไหมว่า พระคัมภีร์บอกว่า พระเจ้าทรงประเล้าประโลมใจเมื่อเรามีความยากลำบาก และจากการปลอบประโลมใจของพระองค์ เราเรียนรู้ที่จะปลอบประโลมใจผู้อื่น”
แซนดรานึกถึงคำพูดของเพื่อน และรำพึงว่า “บางทีฉันอาจไม่อยากได้การปลอบใจก็ได้ ฉันเสียลูกไปและโกรธพระเจ้า” ตอนนั้นเองก็มีลูกค้าอีกคนหนึ่งเดินเข้ามาในร้าน “สวัสดีค่ะ ฟิล” พนักงานคนนั้นทักชายร่างท้วมหัวล้านที่เพิ่งเดินเข้ามา “ภรรยาของผมให้มารับช่อดอกไม้อย่างที่เราสั่งทุกครั้งสำหรับวันขอบพระคุณพระเจ้า … ก้านกุหลาบที่มีหนาม 12 ก้าน” ฟิลตอบหน้าตายิ้มแย้มขณะที่พนักงานขายหยิบช่อก้านกุหลาบที่ห่อด้วยกระดาษจากตู้เย็นยื่นให้แก่เขา แซนดราอดที่จะถามไม่ได้ว่า “นั่นสำหรับภรรยาของคุณหรือคะ จะว่าอะไรไหมคะถ้าจะถามว่าทำไมภรรยาของคุณจึงอยากได้ช่อดอกไม้ที่มีแต่ก้านและไม่มีกุหลาบแม้สักดอกเดียวคะ” ฟิลตอบว่า “ไม่เลยครับ ผมดีใจนะที่คุณถาม เมื่อสี่ปีที่แล้วผมกับภรรยาเกือบจะหย่ากันอยู่แล้ว หลังจากที่ใช้ชีวิตร่วมกันมาสี่สิบปี เราก็มีเรื่องระหองระแหงกันไม่หยุดไม่หย่อน แต่ด้วยพระคุณและการทรงนำขององค์พระผู้เป็นเจ้า เราก็ฝ่าฟันอุปสรรคไปได้ทุกเรื่อง พระองค์ทรงรักษาการแต่งงานของเราไว้ เจนนี (พนักงานขายดอกไม้) บอกเราว่าเธอเก็บแจกันที่มีก้านกุหลาบเอาไว้เป็นเครื่องเตือนใจถึงสิ่งที่ได้เรียนรู้ผ่านช่วงเวลา “ยากลำบาก” และมันก็ใช้ได้สำหรับผมด้วย ผมซื้อก้านกุหลาบกลับบ้าน ผมและภรรยาตกลงกันว่าจะเขียนทุก “ปัญหา” ที่เรามีติดไว้กับทุกก้านและขอบพระคุณพระเจ้าสำหรับบทเรียนที่ได้จากปัญหาเหล่านั้นทุกปัญหา” ขณะที่ฟิลชำระเงิน เขาหันมากล่าวกับแซนดราว่า “ผมขอแนะนำให้คุณซื้อก้านกุหลาบสักช่อ” แต่แซนดราพูดกับพนักงานขายว่า “ไม่รู้ว่าฉันจะสามารถขอบพระคุณพระเจ้าสำหรับหนามในชีวิตของฉันได้หรือไม่ เพราะฉันเพิ่งถูกกหนามตำมาหยกๆ” 
พนักงานคนนั้นตอบอย่างสุขุมว่า “ประสบการณ์ของดิฉันสอนว่าหนามทำให้ดอกกุหลาบมีค่ามากยิ่งขึ้น เราทะนุถนอมการดูแลของพระเจ้าในยามยากลำบากมากกว่าในยามใดๆ อย่าลืมสิคะว่า พระเยซูทรงสวมมงกุฏหนาม เราจึงรู้ว่าพระองค์ทรงรักเรา อย่าแค้นเคืองหนามของคุณเลยค่ะ”
น้ำตาไหลอาบแก้มแซนดรา เป็นครั้งแรกที่ความแค้นเคืองของเธอถูกปลดปล่อย “งั้น ฉันขอซื้อก้านกุหลาบสัก 12 ก้าน” แซนดรากล่าวในที่สุด พนักงานขายพูดว่า “ดิฉันก็ว่าคุณควรทำอย่างนั้นค่ะ ดิฉันจะจัดการให้ภายในหนึ่งนาที” แซนดราถามว่า “ราคาเท่าไหร่คะ” พนักงานขายตอบว่า “ไม่คิดเงินค่ะ แต่คุณต้องสัญญาว่าจะยอมให้พระเจ้าทรงเยียวยาจิตใจของคุณ ดิฉันมักไม่คิดเงินสำหรับช่อแรกค่ะ” พนักงานคนนั้นยิ้มและยื่นการ์ดใบหนึ่งให้แซนดรา “ดิฉันจะติดการ์ดนี้ไว้กับช่อก้านกุหลาบของคุณ แต่คุณอาจอยากอ่านมันก่อนก็ได้”  
การ์ดใบนั้นอ่านว่า
“ข้าแต่พระเจ้า ข้าพระองค์ไม่เคยขอบพระคุณสำหรับหนามของข้าพระองค์เลย ข้าพระองค์ขอบพระคุณเป็นพันครั้งสำหรับดอกกุหลาบ แต่ไม่เคยขอบพระคุณสำหรับหนามสักครั้งเดียว ขอพระองค์ทรงโปรดตรัสสอนถึงความประเสริฐของกางเขนที่ข้าพระองค์แบกแก่ข้าพระองค์เถิด พระเจ้าข้า ขอพระองค์ตรัสสอนถึงคุณค่าของหนามแก่ข้าพระองค์เถิด พระเจ้าข้า ขอพระองค์ทรงโปรดแสดงให้ข้าพระองค์เห็นว่าข้าพระองค์ได้ตะกายเข้าใกล้พระองค์มากขึ้นบนเส้นทางแห่งความปวดร้าวของข้าพระองค์ ขอพระองค์ทรงโปรดแสดงให้ข้าพระองค์เห็นว่ารุ้งของพระองค์นั้นมีสีสดใสกว่าผ่านน้ำตาของข้าพระองค์ ขอพระองค์ตรัสสอนเถิด พระเจ้าข้า”  
หนามในชีวิตของท่านอาจทิ่มตำกายทิ่มแทงใจเมื่อไรก็ได้ ข้าพเจ้าอยากหนุนใจว่าขอให้นึกถึงพระคุณของพระเจ้า ขอบพระคุณ และเรียนรู้จากหนามนั้น สิ่งที่ท่านพบจะเป็นบทเรียนล้ำค่าและเป็นพระพรล้ำเลิศ

สิธยา คูหาเสน่ห์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น