การทิ้งตัวเก่าเพื่อสวมสภาพใหม่มิใช่ทางเลือกสำหรับคริสเตียน หากจะเป็นคริสเตียนที่เกิดผล การทิ้ง (หรือตายต่อ) ตัวเก่าเป็นสิ่งที่ต้องทำเนื่องด้วยตัวเก่าก็คือวิถีชีวิตเดิมๆ ในความบาปของเรา (ท่านจงทิ้งตัวเก่าของท่านซึ่งคู่กับวิถีชีวิตเดิมนั้นเสียอันจะเสื่อมเสียไปสู่ความตายตามตัณหาอันเป็นที่หลอกลวง…เอเฟซัส 4:22) ที่ทำให้เราเสื่อมจากพระสิริของพระเจ้า (โรม 3:23) การตายต่อตัวเก่ากับพระคริสต์เพื่อการมีชีวิตใหม่ (ตัวใหม่) คือขบวนการที่จะเกิดขึ้นเมื่อเรายอมรับพระคริสต์เป็นพระผู้ช่วยให้รอดของเราและรับการอภัยโทษบาปจากพระองค์
ตัวเก่าคือตัวที่เต็มไปด้วยความบาปและตัณหาฝ่ายเนื้อหนัง ตัวที่มีแนวโน้มมาแต่กำเนิดที่จะทำชั่วทำบาป ตัวที่เป็นวิถีชีวิตเดิมๆ ที่เสื่อมทรามด้วยตัณหาอันเป็นที่หลอกลวง ตัวเก่านี่เองที่เราต้องทิ้งเสียเหมือนการสลัดเสื้อผ้าเก่าๆ ชิ้นหนึ่ง การทิ้งตัวเก่า (ซึ่งน่าเกลียด) เกิดขึ้นเมื่อ ‘วิญญาณจิต’ เปลี่ยนใหม่ (เอเฟซัส 4:23) แล้วสวมสภาพใหม่ (ซึ่งงดงาม) ซึ่งทรงสร้างขึ้นใหม่ตามแบบอย่างของพระเจ้าในความชอบธรรมและความบริสุทธิ์ที่แท้จริง (เอเฟซัส 4:24) เพื่อกลายเป็นบุคคลคนใหม่ที่พระเจ้าทรงสร้างให้มีความชอบธรรมและความบริสุทธิ์
เราจะสวมสภาพใหม่ไม่ได้หากไม่ทิ้ง (หรือตายต่อ) ตัวเก่าเสียก่อน ดังเมล็ดพืชที่หว่านลงนั้น “ถ้าไม่ตายเสียก่อนแล้วจะงอกขึ้นใหม่ไม่ได้” (1 โครินธ์ 15:36)
บางทีท่านอาจมองภาพไม่ออก ข้าพเจ้าจึงใคร่ขอนำเสนอเรื่องหนึ่งที่เป็นประสบการณ์น่าประทับใจของข้าพเจ้า และเรื่องราวนี้เองที่เป็นแรงบันดาลใจให้ข้าพเจ้าเขียนบทความนี้ขึ้นมา
เช้าวันหนึ่งในขณะที่กำลังรดน้ำต้นไม้ ข้าพเจ้าก็เห็นหนอนผีเสื้อใหญ่มากตัวหนึ่งกำลังกินใบของต้นดอกพังพวยอย่างเอร็ดอร่อย ปกติเมื่อข้าพเจ้าเห็นหนอนก็มักจะทำลายเสีย แต่หนอนตัวใหญ่นี้สีสวยมากจนทำให้ข้าพเจ้าอยากฟูมฟักให้เป็นผีเสื้อตัวงาม ดังนั้นข้าพเจ้าจึงจับหนอนตัวนั้นใส่กระด้งเลี้ยงไว้พร้อมกับจัดหาใบไม้ไว้ด้วยเพื่อเป็นอาหารของมัน วันรุ่งขึ้นขณะที่กำลังรดน้ำต้นไม้ก็มองเห็นหนอนอีกตัวหนึ่งที่ใหญ่และสวยไม่แพ้ตัวเมื่อวานที่จับไว้ ข้าพเจ้าจึงจับใส่กระด้งไว้ให้เป็นเพื่อนกัน (เข้าใจว่าเป็นพี่น้องกัน) หลังจากนั้นข้าพเจ้าก็เฝ้าดูการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นทุกวัน หนอนผีเสื้อค่อยๆ เปลี่ยนโฉมจากตัวหนอนกลายเป็นดักแด้แล้วในที่สุดก็ถูกห่อหุ้มอยู่ในรังอย่างมิดชิด รังเป็นสีน้ำตาลและค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลเข้มเกือบดำดูน่าเกลียดทีเดียว ในที่สุดเมื่อถึงเวลาผีเสื้อก็ออกจากรัง (ข้าพเจ้าเสียใจที่ไม่ได้เห็นช่วงเวลาสำคัญเมื่อผีเสื้อออกจากรังทั้งสองตัว ตัวแรกบินไปตั้งแต่เมื่อไรไม่ทราบเหลือไว้แต่รังเปล่า ส่วนตัวที่สองก็เฝ้าระวังอยู่แต่ก็พลาดจนได้ แต่ทันได้เห็นการเปลี่ยนสีทั้งที่ลำตัวและที่ปีก น่าอัศจรรย์มากที่สีค่อยๆ เข้มขึ้นจนดูงดงาม แม้ว่าจะเป็นผีเสื้อกลางคืนซึ่งไม่สวยเท่าผีเสื้อที่เราเห็นบินในตอนกลางวันก็ตามที แต่ผีเสื้อกลางคืนที่ข้าพเจ้าฟูมฟักไว้ก็ดูงดงามมากแม้ว่าหน้าตาจะดูน่ากลัวไปสักนิดก็ตาม) รวมเวลาทั้งหมดที่ข้าพเจ้าเฝ้าดูอย่างใกล้ชิดทุกวันจนกระทั่งกลายเป็นผีเสื้อนั้นมากกว่าสองอาทิตย์ ในช่วงแรกๆ เมื่อมันนอนสงบนิ่งอยู่ในรังนั้น ข้าพเจ้าไม่แน่ใจว่ามันยังมีชีวิตอยู่หรือเปล่าเพราะไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ เลย ข้าพเจ้าจึงเอาเศษไม้ชิ้นเล็กๆ ไปเขี่ยดูจึงเห็นว่ามันยังมีชีวิตอยู่เพราะมีการดิ้นเล็กน้อย ข้าพเจ้าก็เขี่ยมันบ่อยเหมือนกันเพราะไม่เคยรู้ว่ามันจะนอนนิ่งๆ อยู่อย่างนั้นจนพร้อมที่จะออกมาจากรัง
ข้าพเจ้าได้เรียนรู้หลายเรื่องหลายประการจากประสบการณ์ในครั้งนี้ซึ่งมีคนบอกว่าเป็นประสบการณ์ครั้งหนึ่งในชีวิตทีเดียว การที่หนอนผีเสื้อนอนนิ่งๆ อยู่ในรังเป็นบทเรียนที่ดีเยี่ยมสำหรับการเรียนรู้เพื่อที่จะเข้าใจข้อพระวจนะที่พูดถึงการทิ้งตัวเก่า หนอนผีเสื้อจำเป็นที่จะต้องทิ้งตัวเก่าที่เป็นหนอนผีเสื้อเพื่อที่จะกลายเป็นดักแด้และเป็นผีเสื้อในที่สุด การเปลี่ยนสภาพของหนอนผีเสื้อไปจนเป็นผีเสื้อให้ภาพที่ชัดเจนของการทิ้งตัวเก่าของเราซึ่งถูกห่อหุ้มด้วยวิถีชีวิตเดิมเพื่อการสวมสภาพใหม่ซึ่งพระเจ้าทรงสร้างให้มีความชอบธรรมและความบริสุทธิ์ตามแบบอย่างของพระเจ้า ตัวเก่าของเราถูกห่อหุ้มด้วยความโสมมแห่งบาปซึ่งน่าขยะแขยงเฉกเดียวกับดักแด้ที่ถูกห่อหุ้มด้วยรังซึ่งดูน่าเกลียด แต่รังนั้นก็ถูกฉีกออกในที่สุดเพื่อให้หนอนผีเสื้อที่กลายเป็นดักแด้สวมสภาพใหม่เป็นผีเสื้อตัวสวยออกมา เราจำเป็นที่จะต้องหลุดจากวิถีชีวิตเดิมๆ ในความบาปของเราในแบบเดียวกัน แรกๆ ที่เพิ่งสวมสภาพใหม่นั้นผีเสื้อยังไม่แข็งแรง ยังไม่พร้อมที่จะโผบิน มันจะเกาะอยู่นิ่งๆ ในขณะที่มันเกาะนิ่งอยู่นั้นเองสีของมันก็ค่อยๆ ชัดเจนขึ้น สวยงามขึ้น และเมื่อเวลาผ่านไปสักพักใหญ่ๆ (เป็นชั่วโมงๆ) มันก็พร้อมที่จะโผบินสู่โลกกว้างที่พระเจ้าทรงสร้างไว้ ข้าพเจ้าเรียนรู้ว่าเมื่อเราทิ้งตัวเก่าที่โสโครกและเต็มไปด้วยความบาปนานัปการ เราก็จะสวมสภาพใหม่ที่งดงาม เราจะสวมความชอบธรรมและความบริสุทธิ์เป็นอาภรณ์ใหม่ที่งดงาม แรกๆ เราก็ยังไม่แข็งแรงและต้องเรียนรู้ที่จะดำเนินในวิถีชีวิตใหม่ของเราเช่นกัน โลกที่เฝ้ามองดูอยู่ก็จะค่อยๆ มองเห็นสีของเราชัดเจนขึ้น สวยงามขึ้น
ข้าพเจ้าหวังว่าเราทั้งหลายจะไม่ทำให้อาภรณ์ใหม่ที่พระเจ้าทรงสวมให้แก่เราแปดเปื้อนด้วยความโสโครกแห่งบาปอีก ข้าพเจ้าอยากให้เราช่วยกันรักษาอาภรณ์นี้ให้สะอาดสวยงามเหมือนอย่างเมื่อเราได้รับมาแต่ต้นไว้ตลอดไป ให้โลกสามารถแยกแยะเราออกจากส่วนที่เหลือที่ยังไม่ได้รับอาภรณ์ใหม่ และให้โลกสามารถบอกว่าเราเป็น “ลูกของพระเจ้า” เหมือนอย่างที่เราสามารถบอกว่าสิ่งมีชีวิตในสภาพใหม่ที่ออกมาจากรังนั้นเป็น “ผีเสื้อกลางคืน” สีและลวดลายซึ่งเป็นอาภรณ์ของมันสามารถบอกให้รู้ว่ามันเป็นผีเสื้อชนิดใด มีชื่อเรียกว่าอะไร เช่นกัน ให้อาภรณ์ของเราเป็นเครื่องหมายการค้าที่บอกให้โลกรู้ว่าเราเป็น “คริสเตียนที่บังเกิดใหม่” เป็น “ประชากรของพระเจ้า” เป็น “ลูกของพระเจ้า พระบิดา”
สิธยา คูหาเสน่ห์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น