ท่านเคยท้อใจตั้งแต่เมื่อเริ่มต้นทำอะไรสักอย่างเพราะมองเห็นอุปสรรคที่รออยู่ข้างหน้าบ้างไหม บอกกับตัวเองว่า "ฉันทำไม่ได้หรอก" อยากล้มเลิกความตั้งใจ ไม่อยากสู้ ไม่อยากวิ่งให้ถึงเส้นชัย หันหลังหนีแล้วล่ะ แต่ปรากฏว่าระหว่างทางนั้นเองก็มีใครบางคนพูดให้กำลังใจ ทำให้ฉุกคิดอีกทีแล้วก็ฮึดสู้ ลองใหม่อีกครั้ง บอกกับตัวเองอีกครั้งว่า "ฉันต้องทำได้สิ"
ข้าพเจ้าเพิ่งผ่านพ้นประสบการณ์นี้มาเมื่อไม่นานนี้เอง ข้าพเจ้าอยากไปเที่ยวกำแพงเมืองจีนมานานแล้ว แต่ยังไม่มีโอกาส และอีกใจหนึ่งก็ไม่อยากไปประเทศจีนเพราะกิตติศัพท์เลื่องลือเรื่องห้องน้ำนี่แหละ (ก็เจอสิ่งที่กลัวจริงๆ แต่ไม่ใช่ที่ปักกิ่ง แต่ที่จังหวัดหนึ่ง ข้าพเจ้ายังขยาดจนทุกวันนี้) แต่พระเจ้าทรงเมตตาจริงๆ อยากจะขอย้ำว่าอะไรก็ตามที่ลูกของพระองค์ปรารถนา พระองค์ทรงประทานให้ บ่อยครั้งโดยไม่ต้องทูลขอ ข้าพเจ้าไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าการที่จะขึ้นไปถึงส่วนที่เป็นกำแพงเมืองจีนนั้นต้องเดินขึ้นบันไดนับพันขั้น
(จุดที่ลูกสาวพาไปต้องขึ้น 1,001 ขั้น) เมื่อเริ่มต้นเดินขึ้นไปได้เพียงไม่กี่ขั้น ข้าพเจ้าก็เริ่มรู้สึกว่ามันแสนลำบากจริงๆ เมื่อมองขึ้นไปเห็นบันไดสุดลูกหูลูกตา ก็ถามตัวเองว่า "ฉันจะทำได้หรือ" แต่ก็ยังเดินต่อไป สักพักเริ่มคิดไปต่างต่างนานา ในที่สุดก็พูดกับลูกสาวสองคนและสามีว่าไม่อยากเดินขึ้นแล้ว เพราะกลัวว่าจะมีปัญหาเรื่องสุขภาพแล้วจะเป็นภาระต่อพวกเขา ในที่สุดก็หันหลังกลับเพื่อจะไปใช้กระเช้า แต่ในระหว่างที่เดินลงไปนั้นเองก็มีแม่ค้าชาวจีนที่ขายของอยู่ระหว่างทางให้กำลังใจบอกว่าใช้เวลาเพียงสามสิบนาทีเท่านั้นเอง พวกเขาเดินขึ้นทุกวัน เมื่อได้ยินดังนั้นก็พูดกับตัวเองอีกว่า "ถ้าใช้กระเช้าจะได้ประสบการณ์อะไรกับการดั้นด้นมาคราวนี้ล่ะ มันต้องเดินขึ้นไปสิ คงไม่กลับมาเป็นครั้งที่สองแล้วล่ะ การเดินทางก็ค่อนข้างลำบากขนาดนี้ เดินเถอะน่ะ" และในระหว่างที่เดินขึ้นไปนั้นก็ยังได้รับการให้กำลังใจจากชาวจีนอีก 2-3 คนซึ่งมาเป็นครั้งที่สองแล้ว และเมื่อเดินขึ้นไปถึงที่หมายแล้วก็รู้ว่าตัดสินใจถูกแล้วจริงๆ เพราะมันก็ไม่ได้เกินกำลังที่จะทำได้ ขอเพียงมุ่งมั่น!
จากเรื่องนี้เองก็ทำให้ข้าพเจ้าคิดถึงการจาริกบนเส้นทางฝ่ายวิญญาณของผู้เชื่อทั้งหลาย บ่อยครั้งที่เราท้อแท้ใจตั้งแต่เมื่อเริ่มต้นทำอะไรบางอย่าง ดูมันมีอุปสรรคไปเสียทุกด้าน อยากล้มเลิกความตั้งใจ ไม่อยากฟันฝ่าปัญหาใดๆ ข้าพเจ้าเชื่อแน่่ว่าหลายคนล้มลงบนเส้นทางนั้นเองและหมดแรงที่จะลุกขึ้นเดินไปข้างหน้า แต่หลายคนอาจได้รับการหนุนน้ำใจและพร้อมที่จะลุกขึ้นสู้ต่อไป พร้อมที่จะฝ่าฟันอุปสรรคไปให้ถึงจุดหมายปลายทาง และเดินเข้าเส้นชัยอย่างสง่างาม ถ้าจะถามว่ามันยากไหมที่จะฮึดสู้หลังจากที่ท้อจนหมดแรงแล้ว ข้าพเจ้าคงตอบท่านได้ว่า ไม่ยากเลย ขอเพียงมุ่งมั่น!
หากข้าพเจ้าไม่ตัดสินใจเดินขึ้นไปบนกำแพงเมืองจีน ไม่เฉพาะข้าพเจ้าคนเดียวที่สูญเสียโอกาสที่จะได้ประสบการณ์ครั้งหนึ่งในชีิวิตแบบนั้น ทั้งครอบครัว (ขาดก็แต่ลูกชายที่เดินทางกลับไปแล้ว) ที่ไปด้วยกันก็คงสูญเสียโอกาสที่จะได้ประสบการณ์แบบนั้นไปด้วย เพราะพวกเขาคงไม่ปล่อยให้ข้าพเจ้านั่งกระเช้าขึ้นไปคนเดียวเป็นแน่ ไม่ใช่ว่าไปคนเดียวไม่ได้ แต่พวกเขาคงไม่ปล่อยให้ข้าพเจ้าไปคนเดียวแน่ๆ เมื่อมาด้วยกัน ก็ไปด้วยกัน เช่นเดียวกัน หากท่านท้อที่จะเดินหน้าต่อไปบนเส้นทางจาริกของท่าน อาจมีหลายคนที่ต้องหมดโอกาสที่จะได้ประสบการณ์ฝ่ายวิญญาณพร้อมกับท่านก็เป็นได้ ข้าพเจ้าจึงอยากหนุนใจใครก็ตามที่กำลังพบกับปัญหาในการดำเนินชีวิต ไม่ว่าปัญหาของท่านจะอยู่ในรูปแบบใดก็ตาม อย่าเพิ่งท้อใจ ข้าพเจ้าก็เชื่อต่อไปอีกว่ามีหลายคนพร้อมที่จะหนุนน้ำใจท่าน ช่วยเสริมกำลังให้ท่านสู้ต่อไป บางคนอาจพร้อมที่เดินไปพร้อมกับท่าน ขอเพียงมุ่งมั่น!
ข้าพเจ้ามั่นใจว่าความมุ่งมั่นของท่านจะนำท่านไปพบกับสิ่งล้ำค่าที่จะช่วยให้ชีวิตฝ่ายวิญญาณของท่านได้รับการหล่อเลี้ยงให้เจริญขึ้น ได้เห็นพระคุณยิ่งใหญ่ของพระเจ้าในชีวิตของท่าน และพระพรที่ท่านได้รับก็จะกลายเป็นพรสำหรับคนอื่นๆ ต่อไป
ขอเพียงมุ่งมั่น … แล้วท่านจะเห็นพระพรนั้น
สิธยา คูหาเสน่ห์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น