12/9/56

มิตรภาพแบบคริสเตียน

มิตรภาพแบบคริสเตียนเป็นอย่างไร ซี. เอส. ลูอิส กล่าวไว้อย่างนี้ว่า “มิตรคือผู้ที่เดินทางไปในทิศทางเดียวกัน มีแรงบันดาลใจและเป้าประสงค์ที่คล้ายกัน และเกื้อหนุนกันเพื่อให้บรรลุเป้าประสงค์ที่ตั้งไว้ มิตรมิใช่ผู้ที่ดึงเราให้ตกต่ำลง มิใช่ผู้ที่อิจฉาริษยา (แม้ว่าบางครั้งก็เป็นเช่นนั้น) แต่มิตรคือผู้ที่ช่วยเราในการใช้ของประทานจากพระเจ้าด้วยการให้คำแนะนำที่ผ่านการไตร่ตรองมาแล้วอย่างดี และช่วยนำเราให้เดินไปในทางที่ถูกต้อง”

มิตรภาพแบบคริสเตียนมีการสอน การให้คำปรึกษา การให้คำชี้แนะ เป็นมิตรภาพที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของการทำพันธกิจที่คล้ายกับพระราชกิจที่พระเยซูทรงกระทำต่อพวกสาวกของพระองค์

มิตรแท้มีการห่วงใยและอาทรกันและกัน และมีความปรารถนาที่จะเห็นการพัฒนา ไม่ใช่การอิจฉาริษยา และการทำลายความฝันและความปรารถนาของบุคคลอื่น มิตรแท้ ทำ มิใช่ พูด มิตรแท้ไม่คาดหวังสิ่งตอบแทน หากจะติก็เพื่อก่อ และการยอมรับคำติก็จะเป็นประโยชน์อย่างมาก

มิตรภาพแบบคริสเตียนแท้เกิดขึ้นกับผู้ที่เราเชื่อใจได้ ผู้ที่เราแน่ใจว่าจะไม่เอาเรื่องส่วนตัวของเราไปเผยแพร่ แต่น่าเศร้าใจที่คนมักชอบนินทา ดังนั้นให้แน่ใจว่าผู้ที่เราแบ่งปันเรื่องราวส่วนตัวด้วยเป็นผู้ที่เชื่อใจได้จริงๆ ความเชื่อใจเป็นองค์ประกอบที่สำคัญมาก หากความเชื่อใจนั้นถูกทำลายลงก็แทบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะให้มิตรภาพกลับมาดีดังเดิม ในพระธรรม 1 ซามูเอล บทที่ 20 พูดถึงมิตรภาพแบบนี้ระหว่างดาวิดกับโยนาธานเอาไว้

มิตรภาพแท้ยังเกี่ยวข้องกับเวลาในสองมิติ มิติที่หนึ่งคือการใช้เวลาในการสร้างมิตรภาพนั้นขึ้นมา เราคงยอมรับว่าความเชื่อใจมิได้เกิดขึ้นชั่วข้ามคืน มันต้องใช้เวลาในการเพาะเลี้ยงให้รากแห่งความเชื่อใจหยั่งลึกลงเพื่อให้มิตรภาพนั้นแข็งแรงสามารถต้านทานต่ออุปสรรคและพายุที่โหมกระหน่ำเข้ามาในชีวิตและเกื้อหนุนการดำเนินไปบนเส้นทางแห่งความเชื่อด้วยกัน มิติที่สองก็คือการให้เวลาแก่กันและกันในการหนุนน้ำใจกัน ฟังปัญหาของกันและกัน อธิษฐานและศึกษาพระคำด้วยกัน มิตรภาพจะเป็นปึกแผ่นมั่นคงได้ก็ด้วยการติดสนิทกันอย่างแท้จริง

สุดท้ายที่สำคัญที่สุดและเป็นเรื่องยากมากที่สุดก็คือมิตรภาพแท้ต้องมีการให้อภัยไม่ถือโทษกัน บางครั้งมิตรที่ดีที่สุดอาจสร้างความเจ็บปวดแสนสาหัสให้แก่เรา และเราก็สงสัยว่ามิตรภาพเกิดขึ้นได้อย่างไรตั้งแต่แรก ไม่น่าเชื่อว่าคนที่เราเรียกว่ามิตรแท้จะเป็นคนที่นำความเจ็บปวดมาให้เรามากที่สุด แต่ในมิตรภาพแท้ย่อมต้องมีการให้อภัยกันอย่างแท้จริง เราต้องมองข้ามความผิดไปให้ได้ และไม่ต้องคาดหวังการตอบแทนเมื่อทำดี และนอกจากนั้นต้องพูดความจริง การโกหกหรือพูดความจริงไม่หมดย่อมทำลายมิตรภาพและความสัมพันธ์ (ทุกรูปแบบ) ลงได้

มิตรภาพแท้แบบคริสเตียนย่อมเสริมสร้างกันและกันด้านอารมณ์ ด้านจิตวิญญาณ และด้านกายภาพ เราจะได้รับพลังจากมิตภาพแท้ มิตรแท้ย่อมรักกันอย่างจริงใจ คุยกันด้วยความจริง และร้องไห้ด้วยกันยามทุกข์ หัวเราะด้วยกันยามสุข ฟังปัญหาของกันและกันอย่างใส่ใจและหาทางบรรเทาทุกข์ให้กัน บางครั้งมิตรแท้ต้องพูดในสิ่งที่อีกฝ่ายไม่อยากได้ยินเพื่อเตือนสติ แต่ในมิตรภาพแท้ย่อมมีหนทางให้คำพูดที่เตือนสติเป็นที่ยอมรับได้ อย่างที่ในพระธรรมสุภาษิตกล่าวไว้ว่า “เหล็กลับเหล็กให้แหลมคมได้ คนหนึ่งคนใดก็ลับหน้าตาของเพื่อนให้หลักแหลมขึ้นได้ฉันนั้น” และให้เราเติบโตเป็นผู้ใหญ่ในความเชื่อไปด้วยกันและเป็นเหมือนองค์พระเยซูคริสต์มากขึ้น

ข้าพเจ้าเชื่อว่าผู้เชื่อทุกคนสามารถเป็นมิตรแท้ของกันและกันได้ แม้ยากแต่ก็ทำได้


สิธยา คูหาเสน่ห์




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น