18/10/55

ความฉลาด

ท่านคิดว่าได้เรียนรู้บทเรียนอะไรบ้างในชีวิตขณะที่ท่านเจริญวัยขึ้นเรื่อยๆ ท่านคิดว่าฉลาดขึ้นจากเมื่อห้าปีก่อนไหม หรือว่าอีกห้าปีข้างหน้าจะเรียนรู้อะไรมากขึ้นที่จะทำให้ท่านฉลาดกว่าที่เป็นอยู่ ข้าพเจ้าคาดหวังว่าจะได้ยินคำตอบหนักแน่นจากท่านว่า “แน่นอน” คนเราจะฉลาดขึ้นจากการเรียนรู้สิ่งต่างๆ รอบตัว ข้าพเจ้าหมายถึงการเรียนรู้สิ่งประเทืองปัญญาที่อาจเปลี่ยนชีวิตของท่านให้ดีขึ้น

ข้าพเจ้าหวังว่าท่านจะเรียนรู้ว่า...

... ตราบใดที่มีความเต็มใจที่จะเรียนรู้ก็จะสามารถเก็บเกี่ยวสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่ทำให้ฉลาดขึ้น (ในการดำเนินชีวิต) แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าก่อนหน้านี้เป็นคนโง่หรือคนไร้ความสามารถ
... ไม่ว่าจะอยู่ในช่วงวัยใดก็ตาม ชีวิตและลักษณะนิสัยกำลังอยู่ในขบวนการถูกหล่อหลอมและพัฒนาไปสู่สิ่งที่ดีกว่า และจะมีช่องว่างอยู่เสมอระหว่างตัวตนที่เป็นอยู่กับตัวตนที่อยากจะเป็น

... บุคลิกภาพสำคัญกว่าความสามารถ และคุณค่าสำคัญกว่าความสำเร็จ

... ตัดสินตัวเองด้วยความตั้งใจดีของตน แต่จะถูกตัดสินด้วยการกระทำครั้งสุดท้ายของตน

... มักจะพรางความอะลุ่มอล่วยทางศีลธรรมด้วยหลักเหตุผล คือทำในสิ่งที่ไม่ควรทำและพยายามหาเหตุผลมาอธิบาย

... เส้นทางสู่ความสุขคือการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างมนุษย์ด้วยกัน และที่สำคัญสัมพันธภาพกับพระเจ้า

... ความเจ็บปวดเป็นสิ่งที่ไม่อาจหนีพ้น และมันเป็นการเลือกที่จะยอมให้สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้รู้สึกเจ็บปวดหรือไม่

ที่กล่าวมาข้างต้นเป็นตัวอย่างของการเรียนรู้ที่สามารถเกิดขึ้นในชีวิตของเราทุกคน การเรียนรู้ไม่มีการสิ้นสุด และไม่มีใครแก่เกินเรียน ทุกเรื่องราวที่ผ่านเข้ามาในชีวิตล้วนมีบทเรียนซ่อนอยู่ ประเด็นอยู่ที่ว่าเรากล้าพอที่จะค้นมันให้พบหรือไม่ และหากพบแล้วกล้าพอที่จะใช้สิ่งที่เรียนรู้มาในการดำเนินชีวิตหรือไม่

ชีวิตอาจเป็นเรื่องยากและลำบากแสนเข็ญ โดยเฉพาะเมื่อประสบกับอุปสรรคขวากหนามและความล้มเหลว แต่ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตสอนบางสิ่งบางอย่างแก่เรา และบางครั้งอาจต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่งที่จะรับมือกับความเศร้าโศกที่ตั้งอยู่บนอัตตา ความรู้สึกสงสารตัวเอง และความโกรธ แต่เมื่อสามารถจัดการกับสิ่งต่างๆ เหล่านี้แล้วก็จะพบบทเรียนล้ำค่าและปัญญาที่ทำให้ฉลาดขึ้น

พึงระลึกไว้เสมอว่าขบวนการนี้ใช้เวลามาก เราอาจมองไม่เห็นบทเรียนดีๆ ในทันที แต่เมื่อเวลาผ่านไปเมื่อพร้อมที่จะรับรู้ก็จะเข้าใจได้ ความเข้าใจลึกซึ้งที่ตามมาจะทำให้ยอมรับสถานการณ์ต่างๆ ได้ และกล้าพอที่จะละความโกรธและความขมขื่นไว้เบื้องหลัง ด้วยมุมมองที่เป็นกลางเราก็จะสามารถเรียนรู้บทเรียนฉลาดๆ ได้จากสิ่งที่เกิดขึ้น และความรู้ของเราก็เพิ่มพูนขึ้น และก็จะฉลาดขึ้นในการดำเนินชีวิตต่อไป

แต่แท้จริงแล้วความฉลาดคืออะไรกันเล่า หลายคนอยากเป็นคนฉลาด ไม่น้อยที่ยังเข้าใจไม่ค่อยถูกต้องเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะเข้าใจว่าความฉลาดคือการมีความรู้มากๆ ดังนั้นคนจำนวนไม่น้อยจึงคิดว่าคนมีความรู้น้อยเป็นคนโง่ มันเป็นเช่นนั้นจริงหรือ

ลองมาคิดกันสักนิดไหมว่าแท้จริงมันเป็นเช่นไร ความรู้ก็คือการส่ำสมข้อเท็จจริงต่างๆ สิ่งที่ได้ร่ำเรียนมาจากโรงเรียน ในพระคัมภีร์ และผ่านเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิต ทุกวันที่ไปโรงเรียนก็คือการไปหาความรู้ อ่านพระคัมภีร์ก็ได้ความหยั่งรู้ที่หาที่ไหนไม่ได้ ผ่านเรื่องราวต่างๆ ในชีวิตก็เป็นประสบการณ์ที่หาเรียนที่ไหนไม่ได้ แต่ความรู้ต่างๆ เหล่านี้จะหมดความหมายไปอย่างสิ้นเชิงหากไม่สามารถนำมาประยุกต์ใช้อย่างถูกต้อง เมื่อเป็นเช่นนั้น การที่เราสามารถนำความรู้ดังกล่าวข้างต้นมาใช้อย่างถูกต้องในการดำเนินชีวิตก็คือ “การเป็นคนฉลาด” นั่นเอง

และอีกแหล่งหนึ่งที่ทำให้เรามีความฉลาดหรือสติปัญญาก็คือความยำเกรงพระเจ้า (ความยำเกรงพระยาเวห์เป็นที่เริ่มต้นของปัญญา สภษ. 9:10 ฉบับมาตรฐาน) และยังอาจกล่าวได้อีกว่าการรู้จักความรักของพระเจ้าคือสติปัญญามากยิ่ง

เรายังเรียนรู้จากพระคัมภีร์อีกว่าความฉลาดไม่ได้เป็นเรื่องทางปัญญาอย่างเดียว แต่ยังเป็นเรื่องทางศีลธรรมอีกด้วย เช่นนั้น การเป็นคนฉลาดในมุมมองของพระคัมภีร์ก็คือการนำปัญญาและความฉลาดของเรามาใช้อย่างถูกต้องนั่นเอง ความฉลาดคืออำนาจในการมองเห็นและความโน้มเอียงในการเลือกเป้าประสงค์ที่ดีที่สุดและสูงที่สุดได้ และดำเนินไปสู่สิ่งนั้นด้วยวิธีที่แน่นอนที่สุด จึงอาจสรุปจากที่กล่าวมาข้างต้นว่าแท้จริงความฉลาดคือภาคปฏิบัติของความดีงามทางศีลธรรมนั่นเอง

สิธยา คูหาเสน่ห์