ถ้าท่านกำลังสงสัยว่าความเชื่อคืออะไรอยู่ล่ะก็ ท่านสามารถหาคำตอบที่ชัดเจนได้จากพระธรรมฮีบรู 11:1 ที่เขียนไว้ว่า “ความเชื่อคือความแน่ใจในสิ่งที่เราหวังไว้ เป็นความรู้สึกมั่นใจว่าสิ่งที่ยังไม่ได้เห็นนั้นมีจริง”
คำตอบดังกล่าวเป็นนามธรรม สำหรับบางคนต้องการข้อพิสูจน์ที่เป็นรูปธรรม ที่สามารถจับต้องได้ ที่อาจเห็นได้ด้วยตา แต่ในอีกด้านหนึ่งเราดำเนินโดยความเชื่อ มิใช่ตามที่ตามองเห็น (2 โครินธ์ 5:7) สำหรับคนที่ปล้ำสู้ที่จะเชื่อด้วยใจว่าสามารถได้สิ่งที่ตามองไม่เห็นนั้น ขอให้ตัดสินใจยุติการปล้ำสู้นั้นและก้าวออกมาจากความสงสัยและเชื่อเถิด เพราะพระเจ้าทรงเป็นผู้ประทานบำเหน็จให้แก่ทุกคนที่แสวงหาพระองค์ (ฮีบรู 11:6)
ไม่ว่าท่านมีความจำเป็นในด้านใดบ้าง ขอให้เชื่อว่าพระเจ้าทรงปรารถนาที่จะช่วยท่านในความจำเป็นด้านนั้นๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านการเงิน สุขภาพ ครอบครัว หรือด้านอื่นๆ ขอให้วางใจพระเจ้าที่ทรงเป็นพระบิดาในสวรรค์ว่าจะนำสิ่งดียอดเยี่ยมมาให้แก่ท่าน
เมื่อท่านอธิษฐานทูลขอสิ่งต่างๆ ขอให้แน่ใจในสิ่งที่ท่านขอ และให้ขออย่างเจาะจง ยิ่งท่านขออย่างเจาะจงและด้วยใจกล้ามากเท่าใด ท่านก็จะอธิษฐานอย่างเกิดผลมากเท่านั้น ขอให้แน่ใจว่าท่านไม่ได้ขอสิ่งที่ไร้สาระหรือไม่เหมาะสม แต่เป็นสิ่งที่ไม่ขัดต่อน้ำพระทัยของพระเจ้าในชีวิตของท่าน
อย่าสงสัย แต่จงเชื่อ เมื่อท่านปักใจอธิษฐานขอความเชื่อมากขึ้นและเชื่อในสิ่งที่ตามองไม่เห็น พระเจ้าจะทรงทำการอัศจรรย์ในชีวิตของท่าน ผู้เชื่อทุกคนควรใช้ความเชื่อเพื่อเข้าถึงสิ่งที่พระเจ้าทรงเตรียมไว้ให้สำหรับเขา ขอให้ขับยานพาหนะแห่งความเชื่อของท่านและยอมให้มันพาไปสู่พระสัญญาต่างๆ ของพระเจ้า
ยานพาหนะแห่งความเชื่อของท่านจะเป็นอย่างไร ก็ขึ้นอยู่กับความเชื่อของท่าน อย่าปล่อยให้ความสงสัยในพระสัญญาของพระเจ้ามาเป็นอุปสรรคในการสร้างยานพาหนะแห่งความเชื่อของท่าน และอย่าปล่อยให้ความกลัวหรือความไม่ความแน่ใจมาเป็นเครื่องกีดขวางบนเส้นทางแห่งความเชื่อที่ท่านดำเนินกับพระเจ้า พระเจ้าทรงสัจจะเสมอ ตามที่พระคัมภีร์เขียนไว่ว่า …พระองค์…ทรงเป็นผู้สัตย์ธรรมในพระดำรัสทั้งหลายของพระองค์…(โรม 3:4)
ขอให้จำไว้ว่า น้ำพระทัยของพระเจ้าไม่เคยนำท่านไปในที่ที่พระคุณของพระเจ้าจะไม่คุ้มครองท่านเป็นอันขาด ขอให้เชื่อมั่นเช่นนั้น
สิธยา คูหาเสน่ห์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น