การรอเป็นเรื่องยาก
ไม่มีใครอยากตกอยู่ในภาวะดังกล่าวไม่ว่าจะเป็นการรออะไรก็ตาม
มันเป็นความล่าช้าที่เราอยากหลีกเลี่ยง
เป็นความกังวลใจที่ร้อนรุ่มอยู่ในใจ
เป็นภาระหนักที่ต้องแบกไว้
เป็นความทุกข์ใจที่อาจนำไปสู่ภาวะซึมเศร้า
เป็นต้น
ข้าพเจ้าแน่ใจว่าทุกคนคงเคยลิ้มรสแห่งการรอมาแล้วทั้งสิ้น
แต่ทว่าการ “รอ”
ก็เป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางแห่งความเชื่อของเรา
แต่ที่ข้าพเจ้าจะพูดในที่นี้ขอจำกัดวงให้แคบลงมาที่
“รอ”
คำตอบจากพระเจ้า
เมื่อเราอธิษฐานทูลขอบางสิ่งบางอย่างจากพระองค์
พระคัมภีร์บอกเราว่า
“จงขอแล้วจะได้” (มัทธิว
7:7พระคริสตธรรมคัมภีร์
ฉบับมาตรฐาน)
ข้าพเจ้าสามารถยืนยันจากประสบการณ์ส่วนตัวว่าเป็นเช่นนั้นจริงๆ
ดังนั้นอยากหนุนใจพี่น้องว่าเมื่อจะอธิษฐานทูลขอสิ่งใดก็ตาม
ให้แน่ใจว่าเป็นที่สิ่งที่ท่านปรารถนาจะได้หรืออยากให้เกิดขึ้นจริงๆ
เพราะท่านจะได้สิ่งนั้นอย่างแน่นอนในเวลาของพระองค์
เมื่ออธิษฐานทูลขอ
เราจะได้คำตอบสามแบบจากพระเจ้า
คือ “ได้” “ไม่ได้” และ “รอ”
สำหรับคำตอบแรกไม่ต้องมีคำอธิบาย
คำตอบที่สองก็ไม่ได้หมายความตามตัวอักษรที่อ่านว่า
“ไม่ได้” เพราะพระองค์อาจหมายความถึงคำตอบที่สามก็ได้
หรืออาจจะเป็นเพราะพระองค์จะประทานสิ่งที่ดีกว่าที่ขอไปให้แก่เราก็เป็นได้
ฉะนั้น คำตอบที่สองและที่สามก็หลีกไม่พ้นการ
“รอ” เพราะคำตอบจะมาในเวลาของพระองค์เท่านั้น
มิใช่เวลาของเรา
เวลาของพระเจ้ากับของมนุษย์มีกรอบที่ต่างกัน
เราจะเห็นว่าพระเจ้าทรงตอบคำอธิษฐานเสมอ
พระองค์ทรงสัตย์ซื่อในพระสัญญาของพระองค์เสมอ
เราอาจมองว่าพระองค์ทรงปฏิเสธไม่สนองตอบคำอธิษฐานสำหรับคำตอบ
“ไม่ได้” และ “รอ” แต่แม้ว่าจะเป็น
“ไม่ได้” หรือ “รอ”
ก็ยังเป็นคำตอบอยู่ดี
แม้ว่าความเงียบของพระองค์อาจทำให้เรากระวนกระวายใจ
ทนทุกข์ทรมาน
เราอาจหมดกำลังใจสงสัยว่าพระองค์จะตอบคำอธิษฐานหรือไม่
หรือเราอาจโกรธพระองค์เมื่อเห็นว่าผู้อื่นได้รับการอวยพรอย่างมากมายในสิ่งเดียวกับที่เราขอแล้วยังไม่ได้
เมื่อเป็นเช่นนี้
เราจะยืนหยัดอยู่ในความเชื่อได้อย่างไรในช่วงที่รอคำตอบจากพระองค์
พระเจ้าทรงสัพพัญญู
พระองค์ทรงล่วงรู้ทุกสิ่ง
เราเคยคิดบ้างไหมว่าทำไมพระองค์จึงไม่ประทานสิ่งที่เราขอ
ทำไมเราต้องรอ ทำไมเราได้ในสิ่งที่ไม่ได้ขอ
ขอให้จำไว้ว่าสิ่งที่เราเห็นว่าดีนั้นไม่ใช่สิ่งที่พระองค์ทรงมีพระประสงค์จะประทานให้แก่เรา
ขณะที่รอคำตอบจากพระองค์
ขอให้เราเชื่อวางใจว่าพระองค์ทรงมีจุดมุ่งหมายในการที่พระองค์ทรงล่าช้าในการตอบคำอธิษฐาน
ขณะที่เรารอ
พระเจ้าทรงกระทำการอยู่เบื้องหลังแทนเรา
ให้เราอย่าย่อท้อในการรอเพราะเราจะได้รับสิ่งที่ดีที่สุดที่พระองค์ทรงจัดเตรียมไว้ให้
และในที่สุดเราก็จะรู้ว่าการรอที่ยาวนานและแสนทุกข์ทรมานนั้นคุ้มค่าจริงๆ
มันเป็นเรื่องปกติที่เมื่อเรารอบางสิ่งบางอย่างให้เกิดขึ้นจะหนีการบ่นไปไม่พ้น
มันเป็นเรื่องยากที่เราจะพอใจกับชีวิตในช่วงแห่งการรอนั้น
แต่จริงๆ
แล้วพระองค์ทรงปรารถนาให้เรามีความพอใจกับสิ่งที่เป็นอยู่
ข้าพเจ้ารู้ว่าเป็นเรื่องง่ายที่จะพูดว่า
“อย่าท้อใจเลย วางใจพระเจ้าสิ”
แต่มันเป็นเรื่องยากมากที่จะใช้ชีวิตอย่างเป็นปกติสุขหากเรากำลังรออะไรบางอย่างอยู่
อย่างที่ข้าพเจ้ากล่าวมาข้างต้นว่ามันเป็นเรื่องปกติที่เราบ่นเมื่อต้องรออะไรบางอย่าง
แต่ให้เรารักษาความเชื่อไว้
อย่าขาดการนมัสการพระเจ้าเพราะการนมัสการเป็นการบ่งบอกถึงการยอมจำนนและการถ่อมใจ
เพราะเมื่อเรานมัสการพระเจ้า
ตัวเราจะพูดว่า
“พระองค์ทรงควบคุมอยู่เหนือทุกสิ่งเพราะพระองค์ทรงเป็นพระเจ้า”
การนมัสการนี่แหละที่จะเป็นแหล่งกำลังของเราในการที่จะอดทนรอต่อไป
เราต้องทูลขอต่อไปจนกว่าคำตอบจะมาถึง
ยากอบ 4:2
บอกว่า
“ท่านไม่มีเพราะไม่ได้ขอ”
เราต้องไม่กลัวที่จะทูลขอต่อไป
ทูลพระองค์ในสิ่งที่เราต้องการขณะที่กำลังรอ
ยากอบยังบอกต่อไปว่าที่ไม่ได้เพราะเราขอผิด
บางทีเราอาจขอในสิ่งที่ไม่เป็นที่พอพระทัย
ขอในสิ่งที่ผิด เราจึงต้องรอ
ลองสำรวจดูว่าเราขอผิดหรือไม่
ขอให้มั่นใจว่าพระองค์ทรงสดับฟังการทูลขอของเราอย่างแน่นอน
การท้าทายที่เราต้องเจอคือการเชื่อวางใจ
สุภาษิต 3:5,
6 บอกว่า
“จงวางใจในพระยาห์เวห์ด้วยสุดใจของเจ้า
และอย่าพึ่งพาความรอบรู้ของตนเอง
จงยอมรับรู้พระองค์ในทุกทางของเจ้า
แล้วพระองค์เองจะทรงทำให้วิถีของเจ้าราบรื่น”
“รอ” ด้วยความเชื่อวางใจ
เป็นกุญแจสำคัญ
สิธยา
คูหาเสน่ห์