24/12/56

จุดเริ่มต้นของคริสตสมภพ

เรื่องราวของคริสตสมภพเป็นข่าวดีล้ำเลิศแทบไม่น่าเชื่อที่พระเจ้าเสด็จมาประทับอยู่กับเราทั้งหลายในองค์พระเยซูคริสต์ เรื่องราวนั้นเริ่มต้นเมื่อพระองค์ทรงสละความมั่งคั่งในสวรรค์ มาประสูติและสวมสภาพมนุษย์เพื่อไถ่บาปชาวโลก และนำไปถึงความรอดนิรันดร์ มนุษยชาติมิได้คิดเรื่องนี่้ขึ้นมาเอง เราทั้งหลายคงไม่เสาะแสวงหาพระเจ้าที่ทำเรื่องเช่นนี้ เราไม่สามารถหาพระเจ้าองค์นี้พบเหมือนที่เราไม่สามารถทำให้ดวงอาทิตย์ส่องสว่างได้ พระเจ้าเสด็จมาหาเราเอง การเสด็จเข้ามาในโลกของพระเจ้าเป็นเหมือนอรุณรุ่งที่สาดส่องเข้ามาในความมืดมิดของโลก เพื่อนำย่างเท้าของเราไปสู่หนทางแห่งสันติสุข เราอาจพลาดไม่เห็นแสงนั้น หากเราไม่ตื่นขึ้นมาดู



พระเจ้าเสด็จมาอยู่กับเราในองค์พระเยซูคริสต์ เราไม่สามารถทำให้เรื่องนี้เกิดขึ้นหรือควบคุมสิ่งนี้ได้ เราอาจพลาดเรื่องราวทั้งหมดนี้ถ้าเราขาดการฝึกวินัยฝ่ายวิญญาณ ได้แก่ การภาวนาอธิษฐาน การศึกษาพระคัมภีร์ และการนมัสการ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ทำให้เราสามารถที่จะตื่นอยู่ที่จะมีประสบการณ์กับมันได้



คริสตสมภพที่เป็นเรื่องเกี่ยวกับการไถ่บาปซึ่งนำมาถึงความรอดนั้นคือแสงสว่าง พระเจ้าทรงรู้ว่าเราทั้งหลายจำเป็นต้องมีพระผู้ไถ่ ผู้ช่วยเราให้รอดจากบาป ดังนั้นพระองค์ทรงสถาปนาแผนงานการไถ่บาปตั้งแต่แรกเริ่ม ความเยี่ยมยอดอยู่ที่ว่าพระผู้ไถ่ทรงรู้จักเรา พระองค์ทรงรู้ความอ่อนแอและความเข้มแข็งของเรา ความล้มเหลวและความสำเร็จของเรา พระองค์ทรงรับรู้ความเจ็บปวดที่เรามี และพระองค์ทรงตระหนักถึงความสุขและความชื่นชมยินดีที่เราได้รับ พระคริสต์ พระเมสสิยาห์ พระผู้ไถ่ ทรงประทับอยู่กับเรา พระเจ้าผู้เสด็จมาหาเราและทรงประทับอยู่ในเรานั้นทรงไถ่เราจากความบาป พระองค์ทรงไถ่เราให้เป็นไทแล้ว



เราเฉลิมฉลองการเสด็จมาในโลกของพระเจ้าพระผู้สร้างโลกในเทศกาลคริสต์มาส พระองค์ผู้ทรงสร้างโลกทรงสวมสภาพมนุษย์ประสูติมาเป็นทารกน้อย เมื่อเป็นข่าวดีเช่นนี้ เราต้องแบ่งปันข่่าวนี้ให้แก่คนอื่นได้รับรู้ ให้เราเป็นเหมือนคนเลี้ยงแกะที่นำข่าวดีไปแจ้งแก่คนทั่วไป เมื่อเราถูกไถ่จากบาปแล้ว เมื่อเราได้รับการช่วยกู้แล้ว สิ่งที่เราทำได้คือประกาศข่าวดีแห่งความหวัง ความชื่นชมยินดียิ่งใหญ่นี้กับคนอื่นๆ ให้เรานำข่าวดีออกไปสู่ชุมชนของเรา


พระธรรมในฟิลิปปี 2:5-11 เป็นข้อพระวจนะที่สำคัญมากที่บอกถึงการสมภพของพระคริสต์

ท่านจงมีน้ำใจต่อกันเหมือนอย่างที่มีในพระเยซูคริสต์ ผู้ทรงสภาพของพระเจ้า แต่มิได้ทรงถือว่าการเท่าเทียมกับพระเจ้านั้นเป็นสิ่งที่จะต้องยึดถือ แต่กลับได้ทรงสละ และทรงรับสภาพทาส ทรงถือกำเนิดเป็นมนุษย์ และเมื่อทรงปรากฏพระองค์ในสภาพมนุษย์แล้ว พระองค์ก็ทรงถ่อมพระองค์ลงยอมเชื่อฟังจนถึงความมรณา กระทั่งความมรณาที่กางเขน เหตุฉะนั้นพระเจ้าจึงได้ทรงยกพระองค์ขึ้นอย่างสูง และได้ประทานพระนามเหนือนามทั้งปวงให้แก่พระองค์ เพื่อเพราะพระนามนั้นทุกเข่าในสวรรค์ ที่แผ่นดินโลก ใต้พื้นแผ่นดินโลก จะคุกลงกราบพระเยซู และเพื่อทุกลิ้นจะยอมรับว่าพระเยซูคริสต์ทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า อันเป็นการถวายพระเกียรติแด่พระเจ้าพระบิดา”

ระยะทางระหว่างมนุษย์กับพระเจ้านั้นกว้างใหญ่ไพศาลยิ่งนัก มนุษย์มองไม่เห็นและนึกไม่ออกว่าจะคืนดีกับพระเจ้าได้อย่างไร พระองค์เท่านั้นที่ทรงสามารถทำให้เกิดการคืนดีกันได้ นั่นเองเป็นศูนย์กลางของพระคุณของพระเจ้า และพระเจ้าทรงทำให้เกิดการคืนดีกันระหว่างมนุษย์กับพระองค์ขึ้น

การที่มนุษย์จะยอมรับว่าพระเจ้าเสด็จมาประทับอยู่ท่ามกลางพวกเขานั้นไม่ใช่เรื่องที่จะเข้าใจกันได้ง่ายๆ เพราะความคิดนั้นขัดกับสัญชาตญาณของมนุษย์ที่วางพระเจ้าไว้ในตำแหน่งสูงส่ง มนุษย์มีอำนาจในการควบคุมสภาพแวดล้อมของตนอย่างจำกัด เราทั้งหลายต้องการให้พระเจ้าทรงมีอำนาจสูงส่งในการควบคุมทุกสิ่งทุกอย่างในตำแหน่งที่ถูกวางไว้นั้น ดังนั้นความคิดที่ว่าพระเจ้าเสด็จมาประทับอยู่ท่ามกลางเราทั้งหลายจึงขัดกับสัญชาตญาณที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติอย่างยิ่ง

พระเจ้ายิ่งใหญ่ พระองค์ทรงสำแดงความใหญ่ยิ่งและเกรียงไกรของพระองค์ในการเสด็จลงมาและทรงสวมสภาพมนุษย์ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่เราทั้งหลายเฉลิมฉลองคริสต์มาสหรือคริสตสมภพกัน

สุขสันต์วันคริสต์มาส 2013




สิธยา คูหาเสน่ห์