มัทธิว
22:37-40
กล่าวว่า
พระเยซูทรงตอบเขาว่า
'จงรักองค์พระผู้เป็นเจ้าของท่านด้วยสุดใจของท่านด้วยสุดจิตของท่าน'
และด้วยสุดความคิดของท่าน
นั่นแหละเป็นพระบัญญัติข้อสำคัญอันดับแรก
ข้อที่สองก็เหมือนกัน คือ
'จงรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง'
ธรรมบัญญัติและคำของผู้เผยพระวจนะทั้งหมด
ก็ขึ้นอยู่กับพระบัญญัติสองข้อนี้
พระคัมภีร์ย้ำแล้วย้ำอีกให้รักเพื่อนบ้าน
กาลาเทีย 5:14
บอกว่า
เพราะว่าธรรมบัญญัติทั้งสิ้นนั้นสรุปได้เป็นคำเดียว
คือว่า จงรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง
ยอห์น
13:33-35...ที่ที่เรากำลังจะไปนั้น
พวกท่านไปไม่ได้
เราให้บัญญัติใหม่ไว้กับพวกท่าน
คือ ให้รักซึ่งกันและกัน
เรารักพวกท่านมาแล้วอย่างไร
ท่านก็จงรักกันและกันด้วยอย่างนั้น
ถ้าท่านรักกันและกัน
ดังนี้แหละทุกคนก็จะรู้ว่าท่านเป็นสาวกของเรา
คริสเตียนมีประสบการณ์ชีวิตผ่านทางความสัมพันธ์กับพระเจ้าซึ่งเน้นเรื่องความรักว่าเป็นพลังที่เป็นตัวกำหนดธรรมชาติของเรา
จึงมีคำถามที่น่าสนใจว่าความรักเกิดขึ้นเองอย่างไม่ตั้งใจหรือว่าเกิดขึ้นตามการเจริญเติบโตเป็นผู้ใหญ่กันแน่
กระนั้นคนส่วนใหญ่ก็ยังเชื่อว่าไม่มีอะไรที่น่าเรียนรู้เกี่ยวกับความรัก
แต่คนก็ตระหนักว่าความรักนั้นสำคัญ
มิเช่นนั้นคงไม่มีการเรียกร้องหาความรักกัน
เราคงรับรู้ถึงความหิวโหยความรักได้จากบทเพลง
ภาพยนตร์ และนวนิยายต่างๆ
แต่พระคัมภีร์แสดงให้เห็นว่าความรักเป็นประสบการณ์การเรียนรู้และให้คำแนะนำไว้มากมายเกี่ยวกับ
'ความรัก'
บางทีข้อพระวจนะที่พูดถึงความรักได้อย่างลึกซึ้งที่สุดคงเป็น
1
โครินธ์
13:4-7
ที่เขียนไว้ว่า
ความรักนั้นก็อดทนนานและมีใจปรานี
ความรักไม่อิจฉา ไม่อวดตัว
ไม่หยิ่งผยอง ไม่ช่างจดจำความผิด
ไม่ชื่นชมยินดีในความอธรรม
แต่ชื่นชมยินดีในความจริง
ความรักทนได้ทุกอย่าง
เชื่ออยู่เสมอ
มีความหวังและความทรหดอดทนอยู่เสมอ
จากข้อพระวจนะข้างต้นจะเห็นว่าผู้ที่รักต้องอยากให้ผู้ที่ถูกรักได้สิ่งที่ดีที่สุด
แม้ว่าการให้นั้นหมายถึงการเสียสละผลประโยชน์ส่วนตนก็ตาม
ขอให้สังเกตข้อ 4
และ5
เป็นพิเศษ
ความรักนั้นก็อดทนนาน
และมีใจปรานี ความรักไม่อิจฉา
ไม่อวดตัว ไม่หยิ่งผยอง
พระคริสต์ทรงให้แบบอย่างของความถ่อมใจที่กอปรด้วยความรักไว้ในวิถีการดำเนินชีวิตประจำวันของเรา
พระองค์ทรงกระทำไว้เป็นแบบอย่างซึ่งปรากฏอยู่ใน
ยอห์น 13:14,
15
เพราะฉะนั้นถ้าเราผู้เป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าและพระอาจารย์ยังล้างเท้าของพวกท่าน
ทานก็ควรล้างเท้าของกันและกันด้วย
พระราชกิจขององค์พระเยซูคริสต์เจ้าย้ำให้เห็นถึงความถ่อมพระทัยของพระองค์และชี้ให้เห็นว่าความถ่อมใจเป็นสิ่งที่จะขาดเสียมิได้ต่อการแสดงออกถึงความรัก
ความถ่อมพระทัยของพระองค์มองข้ามการเป็นมนุษย์และการถูกตรึงที่กางเขน
ความรักของพระองค์ยิ่งใหญ่
ไร้ขีดจำกัด และมีพร้อมอยู่เสมอ
พระองค์ทรงเป็นความรัก
พระองค์ทรงรักโลก
พระองค์ทรงรักสรรพสิ่งที่ทรงสร้าง
พระองค์ทรงรักท่าน
พระองค์ทรงรักทุกคน
เมื่อเราได้รับความรักจากพระองค์เช่นนี้
ข้าพเจ้ามั่นใจว่าเราทุกคนมีความรักของพระองค์มากพอที่จะแบ่งปันให้กับคนอื่น
ยิ่งให้มาก ก็ยิ่งได้รับมาก
นี่เป็นการท้าทายของข้าพเจ้า
ลองทำดูสิ!
*ข้อพระคัมภีร์จากพระคริสตธรรมคัมภีร์
ฉบับมาตรฐาน
สิธยา
คูหาเสน่ห์