เมื่อเกิดความเครียดเป็นความรู้สึกว่าต้องรับมือกับอะไรบางอย่างมากกว่าที่เคย เป็นภาวะของอารมณ์ หรือความรู้สึกที่เกิดขึ้นเมื่อเผชิญกับปัญหาต่าง ๆ ที่ทำให้รู้สึกไม่สบายใจ คับข้องใจ หรือถูกบีบคั้น กดดันจนทำให้เกิดความรู้สึกทุกข์ใจ สับสน โกรธ หรือเสียใจ ความเครียดที่มีไม่มากนัก จะเป็นแรงกระตุ้นให้คนเราเกิดแรงมุมานะที่จะเอาชนะปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ ได้ คนที่มีความรับผิดชอบสูงจึงมักหนีความเครียดไปไม่พ้น ความเครียดที่เป็นอันตราย คือ ความเครียดในระดับสูงที่คงอยู่เป็นเวลานาน จะส่งผลเสียต่อสุขภาพกาย สุขภาพจิต พฤติกรรม ครอบครัว การทำงาน และสังคมได้ ความเครียดเกิดขึ้นเมื่อเราเหนื่อย เจ็บป่วย หรือเมื่อมีภาระรับผิดชอบมากเกินไป เมื่อเกินการควบคุมจึงเกิดความเครียด
ที่กล่าวมาข้างต้นเป็นมุมมองของโลก ส่วนมมุมมองของคริสเตียนเป็นอย่างไร
ในฐานะผู้เชื่อ ความเครียดก็มาในหลายรูปแบบ แต่กล่าวโดยทั่วไป สำหรับคริสเตียนส่วนใหญ่ก็คือ การขาดความวางใจในพระเจ้า
แม้ว่าเราไม่สามารถรวบรวมคริสเตียนทั้งหมดมาไว้ที่เดียวกัน แต่ส่วนใหญ่คิดแบบเดียวกันว่าพระเจ้าทรงเป็นผู้ครอบครองสูงสุดและทรงควบคุมชีวิตของเราทุกคน เราเชื่อว่าพระองค์ทรงเป็นผู้ทรงลิขิตความเชื่อ เราเชื่อว่าพระองค์ทรงประทานทุกสิ่งที่เราจำเป็นสำหรับการมีชีวิตอยู่ ดังนั้น เมื่อความเครียดเข้าควบคุมชีวิตของเรา จึงอาจพูดได้ว่านั่นเป็นเวลาที่เราขาดความวางใจในพระเจ้านั่นเอง
แม้ว่าที่กล่าวมาดูเหมือนจะง่าย แต่ไม่ได้จะบอกเป็นนัยว่าชีวิตในพระคริสต์ที่ไม่มีความเครียดเกิดขึ้นเลยนั้นเกิดขึ้นได้ง่ายๆ
วางใจพระเจ้าให้มากขึ้นสิ แล้วจะไม่ต้องรับมือกับความเครียดอีกเลย มันง่ายอย่างนี้จริงหรือ
ชีวิตของเรายุ่งยากวุ่นวายมากเหลือเกิน และเราก็เปราะบางเกินกว่าที่จะหนีพ้นการสู้รบปรบมือกับมันได้ แต่สำหรับคริสเตียน ความเครียดมีด้านบวกด้วย เราอาจใช้ความเครียดเป็นเครื่องเตือนใจเราว่าชีวิตของเราได้ออกห่างจากพระเจ้าไปเสียแล้ว มันอาจเป็นเครื่องบ่งบอกว่าเราหยุดพึ่งพาพระองค์สำหรับกำลังที่จะสู้ชีวิตในแต่ละวัน บางทีเราอาจลืมพระสัญญาต่างๆ ของพระองค์ไปกระมัง
ถ้าเช่นนั้น คริสเตียนรับมือกับความเครียดได้อย่างไรบ้าง
มีหลักการที่สามารถปฏิบัติได้ที่คริสเตียนควรนำมาใช้เพื่อหลีกเลี่ยงความเครียด เช่น การพักผ่อนอย่างเพียงพอ รับประทานอาหารที่ถูกหลักอนามัย ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และรักษาสมดุลระหว่างงาน (พันธกิจสำหรับผู้รับใช้) กับครอบครัว อย่างไรก็ตาม เมื่อมองจากมุมมองฝ่ายวิญญาณ การผ่อนคลายความเครียดเริ่มต้นและจบลงด้วยหลักการพื้นฐาน 3 ประการ
1. อธิษฐาน
แทนที่จะกังวลเกี่ยวกับปัญหาต่างๆ ซึ่งถ้าทำเช่นนั้นสิ่งที่ตามมาก็คือความกระวนกระวายใจและความเครียด พระคัมภีร์แนะนำว่าให้มอบทุกสิ่งไว้กับพระเจ้าโดยการอธิษฐาน
ฟิลิปปี 4:6-7 อย่าทุกข์ร้อนในสิ่งใดๆ เลย แต่จงทูลเรื่องความปรารถนาของท่านทุกอย่างต่อพระเจ้าด้วยการอธิษฐาน การวิงวอน กับการขอบพระคุณ แล้วสันติสุขแห่งพระเจ้าซึ่งเกินความเข้าใจ จะคุ้มครองจิตใจและความคิดของท่านไว้ในพระเยซูคริสต์
2. ใคร่ครวญพระคำ
พระคัมภีร์เต็มไปด้วยพระสัญญาจากพระเจ้า การใคร่ครวญพระคำที่เป็นพระสัญญาจากพระองค์
เหล่านี้สามารถขจัดความห่วงกังวล ความสงสัย ความกลัว และความเครียดไปจากจิตใจของเราได้ ลองใคร่ครวญข้อพระวจนะเหล่านี้ดูเมื่อเกิดความเครียด
2 เปโตร 1:3 ด้วยเห็นแล้วว่า ฤทธิ์เดชของพระองค์ได้ให้สิ่งสารพัดแก่เรา ที่จะให้มีชีวิตและมีธรรมโดยรู้จักพระองค์ ผู้ได้ทรงเรียกเราด้วยพระสิริและความล้ำเลิศของพระองค์
มัทธิว 11:28-30 บรรดาผู้ทำงานเหน็ดเหนื่อยและแบกภาระหนัก จงมาหาเรา และเราจะให้ท่านทั้งหลาย หายเหนื่อยเป็นสุข จงเอาแอกของเราแบกไว้ แล้วเรียนจากเรา เพราะว่าเราสุภาพและใจอ่อนน้อม และจิตใจท่านทั้งหลายจะได้พัก ด้วยว่าแอกของเราก็พอเหมาะ และภาระของเราก็เบา
ยอห์น 14:27 เรามอบสันติสุขไว้ให้แก่ท่านทั้งหลาย สันติสุขของเราที่ให้แก่ท่านนั้น เราให้ท่านไม่เหมือนโลกให้ อย่าให้ใจของท่านวิตก และอย่ากลัวเลย
สดุดี 4:8 ข้าพระองค์จะเอนกายลงนอนหลับในความสันติ ข้าแต่พระเจ้า เพราะพระองค์เท่านั้นที่ทรงกระทำให้ข้าพระองค์อาศัยอยู่อย่างปลอดภัย
3. สรรเสริญพระเจ้า
มีคนหนึ่งกล่าวไว้อย่างนี้ว้า "ผมพบว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะสรรเสริญพระเจ้าและมีความเครียดในเวลาเดียวกัน เมื่อผมกำลังเครียดกับอะไรบางอย่าง ผมก็จะเริ่มต้นสรรเสริญพระเจ้าและความเครียดของผมก็หมดไป"
การสรรเสริญและการนมัสการพระจ้าจะทำให้เราไม่คิดถึงเรื่องไม่สบายใจของเรา ปัญหาหนักที่กำลังรุมเร้าอยู่ และมุ่งความสนใจที่พระเจ้า เมื่อเราเริ่มสรรเสริญและนมัสกรพระเจ้า ปัญหาต่างๆ ของก็เริ่มเล็กลงทันทีเมื่อเทียบกับความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า ดนตรีก็สามารถทำให้จิตใจได้รับการประเล้าประโลมเช่นกัน
ข้าพเจ้าหวังว่าท่านจะนำวิธีดังกล่าวข้างต้นไปลองปฏิบัติิดูเมื่อเกิดความเครียด
สิธยา คูหาเสน่ห์