มีคำกล่าวว่าความงามขึ้นอยู่กับผู้มอง แต่ละคนย่อมเห็นแตกต่างกันไป สิ่งที่คนหนึ่งเห็นว่างาม อีกคนหนึ่งอาจเห็นว่าไม่ใช่ ที่พูดถึงนี้คือความงามที่มองเห็นเป็นรูปธรรมด้วยตา แต่ความงามมิได้เห็นได้ด้วยตาอย่างเดียว ความงามยังมีอีกมิติหนึ่งที่สัมผัสได้ด้วย
หญิงสาวผู้หนึ่งซึ่งผิดหวังกับชีวิตที่ไม่ได้ดำเนินไปตามที่คาดหวังไว้นั่งอ่านหนังสืออยู่ในสวนสาธารณะแห่งหนึ่ง เธออยากอยู่ตามลำพังเพราะไม่พร้อมที่จะพบปะผู้คน แต่ก็มีเด็กชายคนหนึ่งเดินตรงมาที่เธอด้วยท่าทางเหน็ดเหนื่อยจากการเล่นสนุกสนานกับเพื่อน เด็กคนนั้นยืนอยู่ต่อหน้าหญิงสาวคนนั้นและพูดด้วยความตื่นเต้นว่า “ดูสิครับว่าผมพบอะไร”
ในมือของเด็กน้อยมีดอกไม้เหี่ยวดอกหนึ่ง หญิงสาวอยากให้เด็กชายคนั้นไปเสีย แต่ก็ฝืนยิ้มแล้วก็ก้มหน้าอ่านหนังสือต่อไป แทนที่เด็กชายคนนั้นจะเดินจากไปกลับนั่งลงข้างๆ เธอและยกดอกไม้ขึ้นดมและพูดว่า “หอมจังครับ และสวยด้วย ผมจึงเก็บมันมาไงครับ และผมขอมอบให้คุณครับ”
แต่ดอกไม้ที่เห็นตรงหน้าไม่สวยงามอย่างที่ว่า มันเหี่ยวเฉาไร้ชีวิตชีวา ไร้สีสรร แต่เธอรู้ว่าต้องรับมันไว้ หาไม่แล้วเด็กชายคนนั้นจะไม่ยอมจากไปแน่ๆ ดังนั้นเธอจึงยื่นมือเพื่อรับดอกไม้และพูดว่า “ฉันกำลังอยากได้อยู่พอดี” แต่แทนที่เด็กชายจะวางดอกไม้ไว้บนมือของเธอ เขากลับชูมันขึ้นกลางอากาศ นั่นเองที่ทำให้เธอรู้ว่าเด็กชายคนนั้นตาบอด เธอได้ยินเสียงตัวเองพูดกับเด็กน้อยอย่างสั่นเครือและน้ำตาไหลอาบแก้มว่า “ขอบใจมากจ้ะสำหรับดอกไม้ที่สวยที่สุดดอกนี้” เด็กชายยิ้มและพูดว่า “ยินดีครับ” แล้วก็วิ่งกลับไปเล่นกับเพื่อนๆ โดยหารู้ไม่ว่าการกระทำนี้ได้สร้างผลกระทบค่อนข้างมากไว้กับหญิงสาวคนนั้น
หญิงสาวคนนั้นนั่งอยู่ที่นั่นต่อและสงสัยว่าเด็กชายตาบอดคนนั้นเห็นได้อย่างไรว่ามีหญิงสาวใจห่อเหี่ยวนั่งอยู่ตรงนั้นและต้องการให้ใครสักคนมาปลอบใจ บางทีเขาอาจมองเห็นด้วยใจ ในที่สุดเธอก็มองเห็นปัญหาของเธอผ่านเด็กชายตาบอดคนหนึ่งว่าเธอเองนั่นเองที่เป็นตัวปัญหา และตลอดเวลาที่ผ่านมาตาของเธอก็มืดบอดสนิท จนกระทั่งเวลานี้ที่เธอได้สติและตั้งใจว่าต่อไปจะมองความงามที่อยู่รอบตัวและเห็นคุณค่าของทุกวินาทีที่ผ่านไป เธอยกดอกไม้ที่เหี่ยวเฉานั้นขึ้นดมและสูดกลิ่นหอมของมัน ในความนึกคิดของเธอได้กลิ่นหอมของดอกกุหลาบงาม และยิ้มเมื่อเห็นเด็กชายคนนั้นกำลังจะทำให้ชีวิตของชายแก่คนหนึ่งเปลี่ยนไปเหมือนอย่างที่เธอได้รับ
ความงามขึ้นอยู่กับผู้มอง ท่านคงเห็นด้วยและเข้าใจว่ามันเป็นเช่นนั้นจริงๆ กี่ครั้งที่เรามองไม่เห็นความงามของสิ่งทรงสร้างที่อยู่รอบตัวเราทั้งๆ ที่ตามองเห็น กี่หนที่เราปล่อยให้ความทุกข์ขโมยความชื่นชมยินดีของเราไป
ข้าพเจ้าอยากให้ท่านทั้งหลายมองให้เห็นพระพรในทุกสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวท่าน อยากให้ท่านเห็นความงามของสิ่งทรงสร้างด้วยประสาทสัมผัสเหมือนอย่างที่เด็กชายตาบอดตัวน้อยนั้น แม้ว่าตาของเขาจะบอดมองไม่เห็น แต่เขาสามารถเห็นความงามด้วยมิติที่ลึกเกินว่าที่คนตาดีจะเข้าใจได้ เมื่อมีปัญหารุมเร้า อย่ามัวไปครุ่นคิดถึงแต่ตัวปัญหา แต่ให้หันมามองตัวเอง เมื่อมีปัญหาเกิดขึ้นแล้วคงจะย้อนเวลากลับไปแก้มันไม่ได้ แต่ที่อาจทำได้คือแก้ไขตัวเอง เชื่อพึ่งพระเจ้า ทูลขอการทรงนำ แล้วท่านจะเห็นทางออก
สิธยา คูหาเสน่ห์